“สหภาพยุโรป (อียู) จะเปลี่ยนไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.นี้ แต่มิตรภาพระหว่างอียูกับสหราชอาณาจักรไม่เคยเปลี่ยนแปลง" นายชาร์ล มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป กล่าวเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังลงนามในข้อตกลงเบร็กซิท (Brexit) ซึ่งเปรียบได้กับการ “เซ็นใบหย่า” ระหว่างอังกฤษและอียูอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ประธานคณะมนตรียุโรปแสดงความเชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายจะยังคงเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนที่ดีต่อกันต่อไป ขณะที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษแสดงความมั่นใจว่า สัมพันธภาพระหว่างทั้งสองฝ่ายจะเป็น “ความสัมพันธ์โฉมใหม่” ที่มั่นคงแข็งแรง ในฐานะมิตรที่ดีบนพื้นฐานแห่งความเท่าเทียมกัน
ต่อไปนี้เป็นสรุปเหตุการณ์สำคัญในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้าย ของกระบวนการเบร็กซิทแบบม้วนเดียวจบ หลังจากที่ข้อตกลงดังกล่าวต้องลุ้นระทึกกับกระบวนการต่อสู้ทางรัฐสภาของสหราชอาณาจักรมาตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา
22 ม.ค. รัฐสภาอังกฤษอนุมัติร่างกฎหมายการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในขั้นสุดท้าย หลังจากที่สภาขุนนางหรือสภาสูงล้มเลิกความพยายามที่จะแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเป็นการเปิดทางสะดวกให้อังกฤษถอนตัวออกจากอียูภายในสิ้นเดือนนี้
23 ม.ค. สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงลงพระปรมาภิไธยใน กฎหมายว่าด้วยการถอนตัวออกจากอียู หรือ "กฎหมายเบร็กซิท" ซึ่งสภาสามัญให้สัตยาบันแล้ว โดยสาระสำคัญของกฎหมาย ได้แก่ (1) การระบุถึง “ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน” ที่จะเป็นช่วงเวลาการหารือข้อตกลงการค้าระดับทวิภาคี (ระหว่างอังกฤษกับอียู) และความร่วมมืออื่นๆที่เกี่ยวข้องกับอียู จะเริ่มทันทีในวันที่ 1 ก.พ. นี้ และต้องเสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2563 (2) การรับรองว่ายังมีการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองอียูที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรในระดับเดียวกับที่อียูต้องปกป้องพลเมืองของสหราชอาณาจักรซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศสมาชิกอียูทั้ง 27 แห่ง (3) การระบุถึงภาระค่าธรรมเนียมในการออกจากอียู ซึ่งอาจสูงกว่า 30,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.19 ล้านล้านบาท (4) มาตรการด้านศุลกากรระหว่างไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร กับประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งยังคงเป็นสมาชิกอียูและตั้งอยู่บนเกาะเดียวกันนั้น หลังเบร็กซิท ไอร์แลนด์เหนือจะใช้ระบบศุลกากรของสหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์ใช้ระบบของอียู อย่างไรก็ตาม จะมีสินค้าบางประเภทที่ไอร์แลนด์เหนือจะใช้มาตรฐานของอียู เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดน
24 ม.ค. นายชาร์ล มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป และนางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ลงนามในข้อตกลงเบร็กซิทที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม โดยมีนายมิเชล บาร์นิเยร์ หัวหน้าทีมเจรจาเรื่องเบร็กซิทของอียู เป็นสักขีพยาน และในวันเดียวกันนั้น นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ลงนามในข้อตกลงเบร็กซิตที่ทำเนียบดาวนิงสตรีท กรุงลอนดอน โดยมีคณะเจ้าหน้าที่ของอียูและอังกฤษ ผู้นำเอกสารข้อตกลงนี้มาจากกรุงบรัสเซลส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานอียู ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนาม
การลงนามโดยทั้งสองฝ่ายปูทางไปสู่การแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากอียูอย่างเป็นทางการสิ้นเดือนม.ค.นี้ และเป็นไปตามประชามติเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2559 เอกสารข้อตกลงดังกล่าวจะถูกนำกลับไปยังกรุงบรัสเซลส์โดยต้นฉบับจะถูกนำไปเก็บไว้ที่หอจดหมายเหตุอียูร่วมกับสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่สำคัญฉบับอื่นๆ ส่วนสำเนาข้อตกลง 3 ฉบับจะถูกส่งกลับไปยังกรุงลอนดอน
29 ม.ค. ข้อตกลงเบร็กซิทจะเข้าสู่การให้สัตยาบันรับรองโดยที่ประชุมรัฐสภายุโรป
30 ม.ค. นักการทูตชาติสมาชิกอียูจะให้ความเห็นชอบในข้อตกลงเบร็กซิทเป็นลายลักษณ์อักษร
31 ม.ค. วันสุดท้ายของการเป็นสมาชิกอียู สหราชอาณาจักรจะสิ้นสุดการเป็นสมาชิกอียู ที่เป็นมายาวนาน 47 ปี ในเวลาเที่ยงคืนของกรุงบรัสเซลส์ หรือประมาณ 23.00 น.ของสหราชอาณาจักรในวันเดียวกันตามเวลามาตรฐานสากล ถือเป็นประเทศแรกที่ลาออกจากการเป็นสมาชิกของอียู หลังจากนั้น 1 ก.พ. จะเป็นวันเริ่มต้นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่ทั้งสองฝ่ายจะเจรจาหารือข้อตกลงการค้าและความร่วมมืออื่นๆ ให้เสร็จก่อนสิ้นปี