“สี จิ้นผิง” เยือนเมียนมาชื่นมื่น ลงนามความร่วมมือ 33 ฉบับหนุน BRI

18 ม.ค. 2563 | 11:07 น.

 

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินทางเยือนเมียนมาระหว่างวันที่ 17-18 ม.ค. 2563 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปีที่ผู้นำสูงสุดของจีนเดินทางเยือนเมียนมาอย่างเป็นทางการ โอกาสนี้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายจำนวน 33 ฉบับ ซึ่งครอบคลุมถึงข้อตกลงร่วมทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ท่าเรือน้ำลึก เขตเศรษฐกิจพิเศษ และการเชื่อมโยงเมียนมาเข้าสู่ยุทธศาสตร์การพัฒนา Belt and Road Initiative (BRI) ของจีน

  “สี จิ้นผิง” เยือนเมียนมาชื่นมื่น ลงนามความร่วมมือ 33 ฉบับหนุน BRI

แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นข้อตกลงที่แสดงมุ่งมั่นที่จะเร่งรัดโครงการความร่วมมือที่มีอยู่ก่อนแล้วให้มีความคืบหน้ารวดเร็วขึ้น แต่การเดินทางเยือนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงครั้งนี้ก็เป็นการเดินทางเยือนเมียนมาครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในปีแห่งการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ 70 ปีระหว่างจีนและเมียนมา และยังสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมย์ของจีนที่ยืนยันให้ความสำคัญกับเมียนมาในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันท่ามกลางบริบทสถานการณ์ที่เมียนมาเริ่มถูกชาติตะวันตกกดดันมากขึ้นในประเด็นสิทธิมนุษยชนและปัญหาชาวโรฮิงญา 

“สี จิ้นผิง” เยือนเมียนมาชื่นมื่น ลงนามความร่วมมือ 33 ฉบับหนุน BRI

ผู้นำจีนเดินทางถึงเมืองหลวงเนปิดอว์และได้พบกับนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และนายวิน มินต์ ประธานาธิบดีเมียนมา ที่ทำเนียบประธานาธิบดี ทั้งนี้ สื่อต่างประเทศรายงานว่า ทั้งสองฝ่ายได้มีการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือถึง 33 ฉบับ ครอบคลุมถึง 5 โครงการสำคัญที่มีการรายงานข่าวโดยสื่อมาแล้วก่อนหน้านี้ ได้แก่ (1) โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกในรัฐยะไข่ ที่เมืองจ้าวผิ่ว มูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นทางออกสู่มหาสมุทรอินเดียของจีน นอกจากนี้ พื้นที่โดยรอบจะถูกปรับให้เป็นโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ และตั้งเป้าสร้างงานให้ชาวยะไข่ 4 แสนตำแหน่ง (2) โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อมจากมณฑลยูนนาน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ไปสู่ชายฝั่งตะวันตกของเมียนมาซึ่งติดมหาสมุทรอินเดีย (3) โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ บริเวณพรมแดนรัฐฉาน 3 แห่ง ซึ่งจะเป็นการสร้างงานและลดปัญหาความวุ่นวายตามบริเวณชายแดน (4) โครงการพัฒนานครย่างกุ้ง ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ โดยสร้างเมืองใหม่ขึ้นในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำในเมือง และ (5)โครงการที่จะเร่งรัดพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา (China Myanmar Economic Corridor) มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งมีโครงการย่อยที่เกี่ยวเนื่องอีกหลายโครงการ

นายวิน มินต์ ประธานาธิบดีเมียนมา ให้การต้อนรับผู้นำจีน

ทั้งนี้ ไม่มีการพูดถึงโครงการก่อสร้างเขื่อนมิตโสนบนแม่น้ำอิระวดีในรัฐคะฉิ่นทางภาคเหนือของเมียนมา มูลค่า 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังผลิตไฟฟ้า 6,000 เมกะวัตต์ ที่จีนให้การสนับสนุนแต่ถูกระงับดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 เนื่องจากถูกคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ระบุว่าการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าวจะทำให้เกิดน้ำท่วมหลายหมู่บ้าน

 

“ถึงแม้ว่าจะมีการลงนามข้อตกลงหลายฉบับ แต่ก็ไม่มีโครงการใดที่เป็นโครงการใหญ่ที่มีความสำคัญมากๆ” นายริชาร์ด ฮอร์ซีย์ นักวิเคราะห์จาก International Crisis Group ในนครย่างกุ้งให้ความเห็น และตั้งข้อสังเกตว่า การสงวนท่าทีของฝ่ายรัฐบาลเมียนมาเกี่ยวกับโครงการลงทุนของจีนนั้น อาจมีสาเหตุมาจากรัฐบาลต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษว่าไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลครอบงำของจีนเพราะเมียนมากำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในปีนี้

 

ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวยืนยันในพิธีต้อนรับเมื่อวันศุกร์ (17 ม.ค.)ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและเมียนมานั้นได้ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ ทั้งสองฝ่ายได้เขียนยุทธศาสตร์สู่อนาคตร่วมกันอันจะนำมาซึ่งความสัมพันธ์อันดีฉันบ้านพี่เมืองน้องที่จะนำพาทั้งสองประเทศฝ่าความยากลำบากต่างๆไปด้วยกันและช่วยเหลือกัน ขณะที่นางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ กล่าวว่า จีนเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่และมีบทบาทสำคัญในกิจการระหว่างประเทศและเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามเมียนมาขอเรียกร้องให้จีนเน้นสนับสนุนโครงการด้านเศรษฐกิจที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและเอื้อประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่