ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินเข้าระบบสำหรับเงินกู้ระยะกลาง อัตราดอกเบี้ยที่ 3.25% มูลค่ามากถึง 3แสนล้านหยวน หรือ 1.32 ล้านล้านบาท และยังอัดฉีดเงินมากถึง 1แสนล้านหยวน หรือ 4.4 แสนล้านบาท ในช่วงระยะเวลาวันหยุดเทศกาล 15 วัน
นักวิเคราะห์ประมาณการณ์ว่า เงินหมุนเวียนในระบบที่จีนต้องการจะอยู่ที่ประมาณ 3.8 ล้านล้านหยวน ในช่วงเทศกาลที่ทั้งบริษัทเอกชน ห้างร้านต่างๆ รวมถึงประชาชนจะถอนเงินล่วงหน้าก่อนที่จะถึงเทศกาลตรุษจีนที่จะหยุดยาวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ก่อนหน้านี้หน่วยงานภาครัฐได้ส่งสัญญาณจะลดต้นทุนในการกู้ยืมของบริษัทลงในปี 2020 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งขอนโยบายรัฐบาลจีนที่ต้องการสร้างเสถียรภาพของการเติบโตทางเศรษฐกิจ แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีสัญญาณของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแล้วก็ตาม
การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบของธนาคารกลางจีนในครั้งนี้ มีขึ้นก่อนที่ในเดือนที่แล้วจะมีการประกาศให้ธนาคารลดการถือเงินทุนสำรอง เพื่อoeใช้จ่ายในช่วงเทศกาลทมากถึง 8 แสนล้านหยวน
ส่วนในประเทศไทย ก่อนหน้านี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เม็ดเงินใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2563 จะอยู่ที่ประมาณ 1.3150 หมื่นล้านบาท หดตัวร้อยละ 3.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
โดยจะปรับจากเม็ดเงินค่าใช้จ่ายในกิจกรรมที่มีลำดับความสำคัญน้อย ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อเม็ดเงินค่าใช้จ่ายรวม เช่นเม็ดท่องเที่ยว/ทำบุญ ซึ่งนอกจากผลทางด้านกำลังซื้อแล้ว บางส่วนยังเพิ่งทำกิจกรรมนี้ไปเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ขณะที่เม็ดเงินการแจกแต๊ะเอีย ซึ่งปรับลดลงทั้งในส่วนของจำนวนคนที่ให้และจำนวนเงินเฉลี่ยต่อคน คาดว่าจะกระทบต่อความคึกคักของธุรกิจที่พึ่งเม็ดเงินส่วนนี้ อาทิ ธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร และร้านทอง สำหรับในส่วนของค่าใช้จ่ายเครื่องเซ่นไหว้ แม้ว่าจะเป็นกิจกรรมหลักของเทศกาล ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่ในสัดส่วนที่น้อยกว่ากิจกรรมอื่นๆ เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ถูกตัดทอนลงจนเหลือเท่าที่จำเป็น