อานิสงส์ ‘เฟส1’ สหรัฐฯดันสินค้าเกษตรบุกจีนเพิ่ม 2 เท่าตัว

16 ธ.ค. 2562 | 00:07 น.

 

การบรรลุข้อตกลงการค้าเฟส1 ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนซึ่งประกาศในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (13 ธ.ค.) ทำให้ทั้งสองฝ่ายยุติการปรับขึ้นภาษีสินค้าระหว่างกันเพิ่มเติม และค่อยๆปรับลดภาษีที่ขึ้นไปแล้วลงมา โดยนายโรเบิร์ท ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นวานนี้ (15 ธ.ค.)ว่า ข้อตกลงนี้จะช่วยให้สหรัฐฯสามารถเพิ่มการส่งออกสินค้าไปยังจีนได้เกือบ 2 เท่าในระยะ 2 ปีข้างหน้า

โรเบิร์ท ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์)

หลังจากที่เจรจากันมายาวนานมากกว่า 2 ปีครึ่งและผ่านช่วงเวลาที่บางครั้งก็พบอุปสรรคทำให้ต้องยุติการเจรจาแล้วค่อยเริ่มคุยกันใหม่เป็นช่วงๆ แต่ในที่สุด ผู้แทนการค้าสหรัฐฯย้ำว่าเนื้อหาของข้อตกลงเฟส1 นั้นเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงการขัดเกลาและแปลให้เรียบร้อย ส่วนการลงนามอย่างเป็นทางการโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองฝ่ายว่าจะเป็นเมื่อไหร่นั้นยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา

 

เนื้อหาหลักๆเป็นการที่สหรัฐฯยอมลดอัตราภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าจีนลงมาบางส่วนแลกเปลี่ยนกับการที่จีนยอมเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งในกลุ่มสินค้าเกษตร พลังงาน และสินค้าอุตสาหกรรม คิดเป็นมูลค่ารวมกันประมาณ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า  6,000,000 ล้านบาทภายในช่วง 2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ จีนยังให้คำมั่นว่าจะให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐมากขึ้น แก้ไขปัญหาการบังคับบริษัทอเมริกันต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัทจีน เปิดตลาดด้านบริการทางการเงินให้กับบริษัทอเมริกันมากขึ้น และดูแลไม่ให้เกิดการปั่นค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า    

อานิสงส์ ‘เฟส1’ สหรัฐฯดันสินค้าเกษตรบุกจีนเพิ่ม 2 เท่าตัว

นายไลท์ไฮเซอร์กล่าวว่า จีนจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 40,000-50,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.2 ล้าน-1.5 ล้านล้านบาท) ในระยะ 2 ปีข้างหน้า จะเป็นการเพิ่มขึ้นราวๆ 2 เท่าเมื่อเทียบกับสถิติในปี 2560 ซึ่งจีนนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯในปีนั้นประมาณ 24,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่สงครามการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายจะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2561

 

ในส่วนของการลดกำแพงภาษีสินค้าระหว่างกันนั้น ทั้งยูเอสทีอาร์และกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกมายืนยันแล้วว่า ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่าสหรัฐฯจะลดภาษีลงมาให้จีนลงครึ่งหนึ่งสำหรับสินค้าที่ถูกขึ้นภาษีไปแล้วในวงเงิน 360,000 ล้านดอลลาร์นั้น ‘ไม่เป็นความจริง’  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงภายใต้ข้อตกลงการค้าเฟส1 คือ สหรัฐฯได้ระงับการขึ้นภาษีครั้งใหม่ที่เดิมกำหนดมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา (เป็นกลุ่มสินค้าล๊อตใหม่วงเงินรวมเกือบ 160,000 ล้านดอลลาร์) นอกจากนี้ สหรัฐฯยังตกลงที่จะปรับลดภาษีลงมาครึ่งหนึ่งเหลือเพียง 7.5% สำหรับสินค้าจีนวงเงิน 120,000 ล้านดอลลาร์ที่เคยปรับขึ้นไปแล้วก่อนหน้านี้ ครอบคลุมชุดหูฟังบลูทูธ โทรทัศน์จอแบน ลำโพงอัจฉริยะ และอื่นๆ

หัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายจีนและสหรัฐฯ จากซ้ายไปขวา นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ยูเอสทีอาร์ นายหลิว เหอ รองนายกฯจีน และนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ

การที่ยังมีสินค้าจีนอีกราว 250,000 ล้านดอลลาร์ที่ถูกสหรัฐฯเก็บภาษีในอัตรา 25% ทำให้การดีดตัวรับข่าวดีเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงการค้าเฟส1 ของบรรดาตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 ธ.ค.) ยังมีขอบเขตจำกัด ยูเอสทีอาร์ย้ำว่า ข้อตกลงจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับรัฐบาลจีนแล้วว่าจะเลือกใช้เส้นทางแบบแข็งกร้าว หรือแบบนักปฏิรูป ซึ่งสหรัฐฯคาดหวังให้เป็นแบบหลังมากกว่า นายไลท์ไฮเซอร์ยังยอมรับว่า ข้อตกลงเฟส1 ไม่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่มีอยู่ระหว่างสหรัฐฯและจีน เพราะการที่จะปรับให้ระบบเศรษฐกิจของจีนที่มีรัฐวิสาหกิจเป็นตัวขับเคลื่อน มาเชื่อมโยงเข้ากับระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ขับดันโดยบริษัทเอกชนนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาหลายปี

 

อย่างไรก็ตาม เขามองว่า วันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นวันที่สำคัญควรจารึกจดจำมากที่สุดวันหนึ่งในประวัติศาสตร์การค้าของสหรัฐอเมริกา เพราะนอกจากสหรัฐฯจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนแล้ว ในวันเดียวกันนั้น สหรัฐฯยังสามารถจัดทำข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ฉบับปรับปรุงแก้ไขใหม่สำเร็จ พร้อมยื่นเสนอขอการรับรองจากสภาคองเกรส เพื่อนำมาใช้แทนข้อตกลงการค้าเสรีแห่งอเมริกาเหนือ หรือ นาฟต้า

 

ข้อตกลงทั้งสองนี้ (ข้อตกลงเฟส1 ระหว่างสหรัฐฯและจีน กับข้อตกลง USMCA ระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา) ครอบคลุมตลาดการค้าที่มีมูลค่ารวมกันถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์