ทะเลาะไปทั่ว “ทรัมป์” ขึ้นภาษี ฝรั่งเศส-บราซิล-อาเจนตินา พร้อมกัน

03 ธ.ค. 2562 | 01:51 น.
  • ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯกล่าวถึงการขึ้นสินค้านำเข้าไวน์ ชีส และสินค้าอื่นจากฝรั่งเศสนำเข้ามายังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมาตรการตอบโต้ทางภาษี โดยการขึ้นภาษี 100%  เป็นผลจากมาตรการภาษีดิจิทัลที่ฝรั่งเศสใช้ก่อนหน้านี้ที่กระทบกับบริษัทสัญชาติอเมริกันล
  • ทรัมป์ทวีตประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียม จากบราซิลและอาเจนตินา โดยอ้างว่าการลดค่าเงินของสองประเทศทำให้กระทบกับเกษตรกรของสหรัฐฯ

นิวยอร์คไทม์ของสหรัฐฯ รายงานว่า ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถึงมาตรการทางภาษีด้านเทคโนโลยีของฝรั่งเศส ที่มีผลกระทบต่อบริษัทของสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯจะตอบโต้โดยการขึ้นภาษีนำเข้าไวน์ที่มาจากฝรั่งเศส100% ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจจะเป็นอุปสรรคในการเจรจาระหว่างประเทศที่มีการพักชั่วคราวหรือ “ภาษีดิจิทัล”

แถลงการณ์ที่เกิดขึ้นจากผู้แทนการค้า เกิดขึ้นหลังจากที่มีการไต่สวนพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการทางภาษีของฝรั่งเศสในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทสัญชาติอเมริกันอย่าง เฟสบุ๊ก กูเกิล ที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในฝรั่งเศสได้รับผลกระทบจากมาตรการทางภาษีนี้  โดยกล่าวว่า “มาตรการทางภาษีนี้เป้นการเลือกปฎิบัติและไม่สอดคล้องกับนโยบายภาษีที่มีอยู่”

โดยมีการเสนอให้ขึ้นภาษีนำเข้าไวน์ที่มาจากฝรั่งเศส 100% ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 2.4 หมื่นล้านเหรียญฯ หรือ 7.68 แสนล้านบาท ซึ่งรวมไปถึงชีสและกระเป๋าหรูหลายแบรนด์จากฝรั่งเศสด้วย  

อย่างไรก็ตามการขึ้นภาษีไลน์นำเข้าจากฝรั่งเศสในครั้งนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดวันที่แน่นอน แต่ปัจจุบันไวน์ที่นำเข้าจากฝรั่งเศสเสียภาษีอยู่แล้วถึง 25% ตั้งแต่เดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นมาตรการตอบโต้ในคนละประเด็นกัน

อย่างไรก็ตามยังมีช่องว่างเพื่อให้ประธานาธิบดีกำหนดการใช้มาตรการนี้ ในขณะที่กลุ่มประเทศ OECD  ที่มีสมาชิก 135 ประเทศ คาดหวังจะพูดคุยกับเรื่องภาษีเทคโนโลยีและหาทางออกให้ได้ในปี 2020

ก่อนหน้านี้ในเดือน ก.ค. ฝรั่งเศสนำร่องออกกฎหมายเรียกเก็บภาษีเงินได้กับบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลขนาดใหญ่ ปิดช่องโหว่การเลี่ยงภาษีของบริษัทที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศ โดยฝรั่งเศสถือเป็นประเทศแรกที่ออกกฎหมายจัดเก็บภาษีรายได้กับบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลได้สำเร็จ หลังจากที่หลายประเทศพยายามผลักดันแนวทางเดียวกัน เพื่อแก้ปัญหาการหลบเลี่ยงภาษีของบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศ แต่มีกลยุทธ์เลี่ยงการจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลจากช่องว่างทางกฎหมาย ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ และไม่เป็นธรรมกับคู่แข่งรายเล็ก

กฎหมายเรียกเก็บภาษีเงินได้กับบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลของฝรั่งเศส จะเก็บภาษีร้อยละ 3 ของรายได้ของบริษัทที่ทำธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลจากกิจกรรมออนไลน์ในฝรั่งเศส เช่น โฆษณา การให้บริการข้อมูล และการขายข้อมูล เป็นต้น โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ที่มีรายได้ต่อปีรวมกันทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 750 ล้านยูโร (25,000 ล้านบาท) และมีรายได้ในฝรั่งเศสอย่างน้อย 25 ล้านยูโร (900 ล้านบาท) ซึ่งคาดว่ากฎหมายดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทที่ประกอบธุรกิจการให้บริการด้านดิจิทัลกว่า 30 บริษัท เข้าเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีรายได้ อาทิ Google  Apple Facebook และ Amazon

ขณะเดียวกันประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศจะขึ้นภาษี เหล็กและอลูมิเนียม กับ บราซิลและอาเจนตินา  โดยเป็นการตอบโต้หลังจากที่สองประเทศลดค่าเงินของตัวเอง โดยทำให้เกษตรกรในสหรัฐฯได้รับผลกระทบในทันที ทรัมป์ประกาศว่าจะนำมาตรการขึ้นภาษีเหล็กและอะลุมิเนียมกลับมาใช้อีกครั้ง  โดยเป็นการทวีต และยังกระทบไปถึงเฟดให้จัดการเเรื่องค่าเงิน อย่างให้ประเทศเหล่านี้เอาเปรียบสหรัฐฯจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า

ทวีตประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีและบอกให้เฟดปรับการทำงาน

การประกาศนี้ยังไม่ออกมาเป็นทางการแต่ทั้งสองประเทศได้รับการยกเว้นภาษีเหล็ก 25% และ 10 % ในอะลูมิเนียม เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ทั้งสองประเทศต้องการหลีกเลี่ยงสงครามการค้าระหว่างกัน ด้านประธานาธิบดีของบราซิล ฌาอีร์ โบลโซนารู กล่าวว่า พร้อมจะพูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเปิดช่องเพื่อให้มีการเจรจา