สายการบินเอมิเรตส์ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประกาศในงานดูไบ แอร์ โชว์ ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดูไบ วันนี้ (18 พ.ย.) ว่า บริษัทได้สั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A350 จำนวน 50 ลำคิดเป็นมูลค่ารวม 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 480,000 ล้านบาท
ข่าวดังกล่าวได้รับการยืนยันโดยนายกิลโยม ฟัวรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทแอร์บัสในงานแถลงข่าว โดยเขาระบุว่า เครื่องบินแอร์บัสตระกูล A380 กำลังจะมีรุ่นน้องที่หนุ่มกว่า ใหม่กว่า และมีประสิทธิภาพสูงเข้าร่วมเสริมกำลังให้กับฝูงบินของสายการบินเอมิเรตส์ ซึ่งเขาหมายถึงเครื่องบินแอร์บัส A350 ที่เป็นเครื่องบินไอพ่นเครื่องยนต์คู่ ลำตัวกว้าง เหมาะสำหรับการบินระยะไกล ในขณะที่ A380 เป็นเครื่องบินพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ในส่วนของเครื่องบิน A350 จำนวน 50 ลำ ที่สายการบินเอมิเรตส์สั่งซื้อนั้นจะเป็นรุ่น A350-900 ซึ่งจุผู้โดยสารได้ระหว่าง 300-350 คน ชีค อาห์เหม็ด บิน ซาอีด อัล มัคทุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินเอมิเรตส์ เปิดเผยว่า เครื่องบินฝูงใหม่นี้จะเข้ามาเสริมฝูงบินของบริษัทให้มีความหลากหลายมากขึ้นจากเดิมที่มี A380 อยู่แล้ว รวมทั้งเครื่องบินในตระกูล 777 ของบริษัทโบอิ้ง “นี่คือการสร้างความแข็งแกร่งให้กับรูปแบบธุรกิจที่เรามีอยู่ ซึ่งจะทำให้เราสามารถให้บริการด้านการบินที่มีประสิทธิภาพและสะดวกสบายจากเมืองดูไบที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจของเรา”
การสั่งซื้อเครื่องบินของเอมิเรตส์จำนวน 50 ลำครั้งนี้สร้างความคึกคักขึ้นอย่างมากให้กับงานมหกรรมด้านอากาศยานที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งวันแรกของงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น (17 พ.ย.)มีการวางคำสั่งซื้อเครื่องบินกันเพียง 2 ลำเท่านั้น
ที่ผ่านมา สายการบินเอมิเรตส์ถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ของแอร์บัสที่วางคำสั่งซื้อเครื่องบิน A380 จำนวนมากที่สุด แต่เมื่อต้นปีทางสายการบินได้ปรับลดการสั่งซื้อเครื่องบินใหญ่ยักษ์รุ่นนี้ลง เนื่องจากอุปสงค์ของตลาดแปรเปลี่ยนไปหาเครื่องบินที่มีขนาดเล็กลง และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น เรื่องนี้ถึงกับทำให้แอร์บัสประกาศยุติการผลิตเครื่องบินนกยักษ์ A380 และปิดฉากยุคแห่งการเดินทางด้วยเครื่องบินสุดหรูลงในทันที ทั้งนี้ ผู้บริหารของแอร์บัสยืนยันว่า จะยุติการผลิตเครื่องบิน A380 และลำสุดท้ายจะมีการส่งมอบให้ลูกค้าในปี 2021 (พ.ศ. 2564)