หลากปัจจัยชี้ราคานํ้ามันขาขึ้น เชื่อพ้นจุดตํ่าสุดแล้ว จับตารัสเซีย-ซาอุฯช่วยตรึงกำลังผลิต

07 มี.ค. 2559 | 14:00 น.
น้ำมันดิบเบรนท์ขยับราคาขึ้นอีกในช่วงต้นสัปดาห์ (29 ก.พ.)โดยเป็นการขยับขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าท่ามกลางความคาดหมายว่า ราคาน้ำมันได้ลดลงจนถึงจุดต่ำสุดแล้วและน่าจะค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่ายังต้องใช้เวลาอีกยาวนานกว่าปริมาณน้ำมันส่วนเกินที่ล้นตลาดอยู่ในเวลานี้จะหมดไป

เปิดตลาดวันแรกของสัปดาห์ ราคาน้ำดิบเบรนท์ซื้อขายล่วงหน้าขยับขึ้น 18 เซนต์มาอยู่ที่ระดับ 35.28 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นการขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานับเป็นวันสุดท้ายที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 30 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลหลังจากนั้นราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 17% แล้ว แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมากหากจะเทียบกับเมื่อ 20 เดือนก่อนหน้านี้ ที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ซื้อขายกันที่ 115 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบซื้อขายล่วงหน้าจากสหรัฐฯหลังจากขยับขึ้นประมาณ 27% นับจากวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ปรับตัวลดลง 12 เซ็นต์มาอยู่ที่ระดับ 32.66 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลเมื่อต้นสัปดาห์ (29 ก.พ.) โดยมีสาเหตุมาจากปริมาณน้ำมันสำรองยังมีปริมาณมากเป็นประวัติการณ์

ริชาร์ด กอร์รี ผู้อำนวยการ เจบีซี ออเนอร์จี เอเชีย ให้ความเห็นว่า ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงอยู่มากที่ว่าราคาน้ำมันจะลดลงได้อีก แต่สำหรับตลาดน้ำมันดิบสหรัฐฯ เชื่อว่าจุดเลวร้ายที่สุดน่าจะผ่านพ้นไปแล้ว และควรจะเริ่มไต่ระดับสูงขึ้น รวมทั้งลดแรงกดดันในแง่ปริมาณสำรองลงได้บ้าง "ตัวเลขล่าสุดด้านปริมาณการผลิตของบริษัทน้ำมันสหรัฐฯ ก็ออกมาสนับสนุนข้อสรุปที่ว่าราคาน้ำมันที่ต่ำลงได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตแล้วในที่สุด"

ทั้งนี้ สถิติชี้ว่า บริษัทผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ได้ลดจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันลงอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 10 แล้ว จนเหลือระดับน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2552 เป็นต้นมา ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์พากันคาดหมายว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่องจะนำไปสู่ปริมาณผลิตน้ำมันที่ลดลง 6 แสนบาร์เรลต่อวันในปีนี้

บริษัท แบนเชโร คอสตา ผู้ค้าน้ำมันรายหนึ่งให้ความเห็นว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของผู้ผลิตสหรัฐฯลดลงต่ำกว่าระดับที่จะสามารถรักษากำลังการผลิตเดิมเอาไว้ได้ ส่งผลให้ปริมาณการผลิตเริ่มปรับลดลงมา ด้านบริษัท มอร์แกน สแตนลีย์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า จากความเป็นไปได้ที่ว่ารัสเซียและซาอุดิอาระเบีย ผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก จะตกลงกันได้ในการคงกำลังการผลิตไว้ที่ระดับเดียวกับเมื่อเดือนมกราคม ก็ทำให้คาดหมายว่าราคาน้ำมันโลกน่าจะปรับตัวสูงขึ้นจากข้อตกลงดังกล่าว ทั้งนี้ ในส่วนของรัสเซียนั้น ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงของบริษัทน้ำมันรายใหญ่ภายในประเทศเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อหารือเกี่ยวกับการผลักดันราคาน้ำมันให้กระเตื้องขึ้น

ด้านภาคพื้นยุโรป มีปัจจัยที่ทำให้เชื่อว่าราคาน้ำมันจะขยับสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เมื่อท่อลำเลียงน้ำมันเส้นทางหลักจากเขตเคอร์ดิสถานในอิรักสู่ตุรกีซึ่งเป็นประตูสู่ยุโรป ถูกตัดขาดไป 10 วัน เจ้าหน้าที่ทางฝ่ายตุรกีได้ออกมายืนยันแล้วว่า ต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการซ่อมแซมเพื่อให้ท่อลำเลียงน้ำมันทำงานได้ตามปกติ ทั้งนี้ เส้นทางดังกล่าวมีกำลังในการลำเลียงน้ำมัน 6 แสนบาร์เรลต่อวัน

นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ปริมาณน้ำมันส่วนเกินนั้นยังคงมีอยู่ในปริมาณสูงมาก คือประมาณ 1-2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่อุปสงค์หรือความต้องการใช้แผ่วเบาลง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการค้าน้ำมันชี้ให้เห็นถึงความกังวลที่ผ่อนคลายลงจากหลากเหตุปัจจัยที่กล่าวมาไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตไว้ไม่ให้ขยับสูงขึ้นไปอีกระหว่างรัสเซียกับซาอุดิอาระเบีย หรือปริมาณการผลิตที่ลดลงจากฝั่งผู้ผลิตของสหรัฐฯและความต้องการใช้ที่เริ่มกระเตื้องขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,135 วันที่ 6 - 9 มีนาคม พ.ศ. 2559