ญี่ปุ่นแชมป์ลงทุนในไทย หนุน SMEs ปักฐานเพิ่ม

19 ต.ค. 2560 | 11:22 น.
-19 ต.ค.60-นายฮิโรคิ มิทสึมะตะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นยังคงครองแชมป์ผู้ลงทุนอันดับ 1 ในประเทศไทยตลอด 3 ปีติดต่อกัน ( ปี 2557-2559 ส่วน 6 เดือนแรกของปี 2560 ญี่ปุ่นก็ยังมาเป็นที่ 1 เช่นกัน) เมื่อมองในแง่จำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

3094

โดยในปี 2559 มีโครงการของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมจากบีโอไอถึง 284 รายด้วยกัน คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 7.9 หมื่นล้านบาท นำห่างบริษัทร่วมทุนจากจีนที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยจำนวน 107 ราย มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 5.3 หมื่นล้านบาท และอันดับ3 คือ สิงคโปร์ 106 ราย มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในสายตาของบริษัทญี่ปุ่นที่ยังคงแข็งแกร่ง

“ไม่ว่าไทยจะผ่านสถานการณ์การเมืองมาอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นและนักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจอย่างมากคือ ความต่อเนื่องของนโยบายทางเศรษฐกิจของไทย นอกจากนี้ ด้วยความที่ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนและใช้ไทยเป็นฐานการผลิตมายาวนานเกินกว่า 10 ปีทำให้เกิดเครือข่ายซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องที่แข็งแกร่งและมีขนาดใหญ่ เมื่อมีการลงทุนใหม่เข้ามาก็สามารถต่อยอดธุรกิจได้เลย ไม่ต้องเข้ามาสร้างฐานการผลิตโดยเริ่มต้นใหม่จากศูนย์”

[caption id="attachment_221425" align="aligncenter" width="503"] เจโทรและกระทรวงเมติของญี่ปุ่นนำคณะผู้แทนธุรกิจชุดใหญ่เยือนไทยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เจโทรและกระทรวงเมติของญี่ปุ่นนำคณะผู้แทนธุรกิจชุดใหญ่เยือนไทยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา[/caption]

ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อเปรียบเทียบการลงทุนของญี่ปุ่นในไทยกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ยังพบว่า การลงทุนโดยตรงของญี่ปุ่น (FDI) ในอุตสาหกรรมภาคการผลิต ยังคงพุ่งมาที่ประเทศไทยมากเป็นอันดับ 1 (ข้อมูล ณ สิ้นปี 2559) คิดเป็นมูลค่ารวม 34,131 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามมาด้วยอินโดนีเซียและสิงคโปร์เป็นอันดับ 2 และ 3 แต่ถ้าเป็นการลงทุนโดยตรงของญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมภาคบริการหรืออุตสาหกรรมนอกภาคการผลิต ไทยมาเป็นอันดับ2 (มูลค่าการลงทุนรวม 19,430 ล้านดอลลาร์) รองจากสิงคโปร์เท่านั้น สะท้อนให้เห็นชัดว่า ไทยเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญของญี่ปุ่นในภูมิภาคนี้

อ๊ายยยขายของ-7-1 และที่น่าสนใจก็คือ บริษัทที่อยู่ในกลุ่มบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี จากญี่ปุ่นได้ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้นถึง 432 บริษัท (เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อนในปี 2557) ขณะที่บริษัทญี่ปุ่นที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น 404 บริษัท ทำให้ทางเจโทรเองมีกิจกรรมส่งเสริมการขับเคลื่อนของเอสเอ็มอีญี่ปุ่นในไทยอย่างต่อเนื่อง เช่นในวันที่ 24 พ.ย. ศกนี้ เจโทรจะจัดประชุมว่าด้วยอุตสาหกรรมภาคบริการที่กรุงเทพฯ โดยจะเน้นไปที่ธุรกิจท่องเที่ยว จะมีการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างเอสเอ็มอีญี่ปุ่นและอาเซียนในธุรกิจประเภทนี้ให้มากยิ่งขึ้น และในเดือนพ.ย.เช่นกันจะมีการนำคณะตัวแทนธุรกิจจากจังหวัดยามานาชิ 10 บริษัทมาดูงานในประเทศไทย โดยนอกจากจะมาร่วมงาน METALEX 2017 ที่กรุงเทพฯ แล้ว ยังจะลงพื้นที่เยี่ยมชมโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของไทยด้วย e-book