ในเดือน ก.พ. 2561 นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) จะหมดวาระการดำรงตำแหน่ง แม้ว่าโอกาสในการต่อวาระการทำงานไปอีก 1 เทอม จะยังคงมีอยู่ แต่เนื่องจากนโยบายการทำงานในบางเรื่องไม่สอดคล้องกับนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะในเรื่องการตั้งกฎควบคุมการดำเนินงานของสถาบันการเงินและธนาคารอย่างเข้มงวด ทำให้มีความคาดหมายกันมากว่า “เยลเลนอาจไม่ได้ไปต่อ”
ในช่วงเวลาเกือบ ๆ 5 เดือนที่เหลืออยู่นี้ จึงมีการพูดถึง “ว่าที่” ประธานเฟดคนใหม่อย่างกว้างขวาง และในบรรดาตัวเต็งที่มีการกล่าวถึงอย่างมากว่า มีความเป็นไปได้สูงนั้น คือ “นายเควิน วอร์ช” อดีตลูกหม้อเฟดระดับผู้ว่าการสาขา ที่มีประสบการณ์คร่ำหวอดในแวดวงการเงิน และเป็นลูกเขย นายโรนัลด์ ลอเดอร์ เจ้าของอาณาจักรเครื่องสำอางเอสเต้ ลอเดอร์ ซึ่งมีสายสัมพันธ์อันดีกับประธานาธิบดี
[caption id="attachment_216443" align="aligncenter" width="503"]
เควิน วอร์ช[/caption]
โอกาสของ “เควิน วอร์ช” เรืองรองขึ้นอย่างโดดเด่น เมื่อแกรี่ โคห์น ที่ปรึกษาสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ซึ่งเคยเป็นตัวเต็งประธานเฟดคนใหม่อันดับ 1 มีอันต้องหลุดโผไป หลังจากที่เขาออกมาแสดงท่าทีตำหนิประธานาธิบดีทรัมป์ ที่แสดงความเห็นเข้าข้างกลุ่มเหยียดผิวในเหตุการณ์เดินขบวนประท้วงที่บานปลายถึงขั้นจลาจล ที่เมืองชาล็อตวิลส์ ในรัฐเวอร์จิเนีย เมื่อไม่นานมานี้
สำหรับ “วอร์ช” แล้ว ประสบการณ์การทำงานกับวาณิชย์ธนกิจมอร์แกน สแตนลีย์ มีมายาวนาน 7 ปี เขาขึ้นถึงระดับรองประธานฝ่ายธุรกิจการควบรวมกิจการ จากนั้นก็เข้าสู่เส้นทางการเมือง ด้วยการเป็นที่ปรึกษานโยบายเศรษฐกิจให้กับประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช จากนั้น 4 ปีให้หลัง ก็ได้เป็นผู้ว่าการเฟดที่มีอายุน้อยที่สุดในวัย 35 ปี
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,303 วันที่ 8-11 ต.ค. 2560