ทรัมป์หารือบิ๊กบริษัทก่อสร้างและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทำเนียบขาว เพื่อดึงเอกชนเข้าร่วมลงทุนในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการหลากหลายรูปแบบ ซึ่งผู้นำสหรัฐฯเคยกล่าวไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่าจะจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ผู้บริหารภาคธุรกิจที่เข้าพบนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา (8 มี.ค.) ครอบคลุมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการ กองทุนเพื่อการลงทุน และธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงตัวแทนจากกลุ่มองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม ก่อนหน้านี้ ทรัมป์กล่าวต่อที่ประชุมสภาคองเกรสว่า ถึงเวลาแล้วที่สหรัฐฯจะสร้างชาติอีกครั้งผ่านการลงทุนในหลากโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งจะก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนนับล้านตำแหน่งทั่วประเทศ และเพื่อการนี้ เขาจึงขอความร่วมมือจากสภาคองเกรสในการพิจารณาอนุมัติการจัดสรรงบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ในการสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการลงทุนที่จะเกิดขึ้น
นางอิเลน เชา รัฐมนตรีคมนาคม ระบุว่า โครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานจำเป็นต้องใช้งบมหาศาล ซึ่งรัฐบาลกลางไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ รูปแบบการลงทุนแบบรัฐบาลร่วมกับเอกชนจึงเป็นทางออกที่สำคัญอย่างมากที่จะทำให้มีเงินมาสนับสนุนการซ่อม-สร้างสาธารณูปโภคต่างๆที่จำเป็น โดยเฉพาะถนนและสะพานที่ทรุดโทรมหลายแห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้ สมาคมวิศวกรโยธาแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ได้เคยสำรวจและจัดเกรดให้โครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ อยู่ในสภานะ D+ และประเมินว่า จำเป็นต้องใช้งบลงทุนเพื่อปรับปรุงคุณภาพ-ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ 3.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2563
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ ได้ออกมาติงเตือนว่า การกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการลงทุน รวมทั้งการปรับลดภาษี ซึ่งเป็นสองนโยบายสำคัญของทรัมป์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง จะทำให้สหรัฐฯขาดดุลงบประมาณมากขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่หากไม่ยอมขาดดุลงบประมาณมากขึ้น เศรษฐกิจสหรัฐฯก็อาจเข้าสู่ภาวะชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ผู้นำสหรัฐฯระบุว่า ภายใต้นโยบายของเขา เศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวที่อัตรา 4% เป็นอย่างน้อย ขณะที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลัง คาดหวังที่อัตรา 3% แต่จากการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พบว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐฯโตเพียง 1.6 % ซึ่งต่ำที่สุดนับจากปี 2554 เป็นต้นมา
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,243 วันที่ 12 - 15 มีนาคม พ.ศ. 2560