เป๊ปซี่ตั้งเป้าเลิกหวาน

21 ต.ค. 2559 | 03:00 น.
เป๊ปซี่โค ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตน้ำอัดลมจากสหรัฐอเมริกา ประกาศเป้าหมายลดปริมาณน้ำตาลในผลิตภัณฑ์น้ำอัดลมของบริษัททั่วโลก เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายร่วมแก้ไขปัญหาที่ได้กลายมาเป็นวาระสำคัญของสังคมระดับโลก เช่น โรคอ้วนและการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ

[caption id="attachment_107258" align="aligncenter" width="700"] เป๊ปซี่โคล่า เป๊ปซี่โคล่า[/caption]

เป๊ปซี่โคซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองนิวยอร์คประกาศต้นสัปดาห์นี้ (17 ต.ค.) ว่าภายในปีพ.ศ. 2568 อย่างน้อยสองในสาม หรือกว่า 60 % ของน้ำอัดลมที่บริษัทผลิตออกสู่ท้องตลาดจะมีปริมาณพลังงานจากน้ำตาลเพียง 100 แคลอรี่หรือน้อยกว่านั้น (สำหรับน้ำอัดลมขนาดบรรจุ 12 ออนซ์) ซึ่งนั่นหมายถึงแผนการผลิตน้ำอัดลมตระกูล zero (ซึ่งหมายถึงแคลอรี่ 0% ) และเครื่องดื่มแคลอรี่ต่ำออกมามากขึ้นนั่นเอง ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันที่เกิดขึ้นทั้งกับเป๊ปซี่และโคคา-โคล่า คู่แข่งรายสำคัญที่ ถูกกล่าวหาจากกลุ่มนักวิชาการด้านสุขภาพอนามัย องค์กรเอกชนไม่แสวงผลกำไรที่ทำงานด้านการพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริโภค และหน่วยงานรัฐบาล ที่ระบุว่าน้ำอัดลมเป็นสาเหตุของโรคอ้วนและโรคเบาหวาน

ผู้บริหารของเป๊ปซี่โคกล่าวว่า เป้าหมายใหม่ที่จะใช้ทั่วโลกนี้เป็นเป้าหมายที่หวังไว้สูงกว่าเป้าเดิมในปีที่ผ่านมาที่เป๊ปซี่ตั้งไว้ว่าจะลดปริมาณน้ำตาลลง 25% ภายในปี 2563 นายเมห์มูด ข่าน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนาของเป๊ปซี่เปิดเผยว่า ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ทำให้การตั้งเป้าหมายเช่นนี้มีความเป็นไปได้ พร้อมทั้งยกตัวอย่างสารปรุงแต่งรสชาติชนิดใหม่ๆที่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณความหวานให้กับเครื่องดื่ม “มันไม่ใช่แค่เรื่องของสารให้ความหวาน แต่เป็นเรื่องความเข้าใจเกี่ยวกับวัตถุดิบต่างๆที่จะให้รสชาติ มีความรู้ที่จะนำมาใช้ และมีช่องทางเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบนั้นๆ” นอกจากเป้าหมายลดปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มแล้ว เป๊ปซี่โคยังตั้งเป้าลดปริมาณโซเดียมและไขมันอิ่มตัว
เดือนตุลาคมนี้ องค์การอนามัยโลกได้ออกมาให้การสนับสนุนมาตรการเก็บภาษีเพิ่มจากสินค้าประเภทเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีรสชาติหวาน ซึ่งรัฐบาลประเทศฝรั่งเศสและเม็กซิโกได้นำมาประกาศใช้แล้ว เป้าหมายเพื่อชักจูงให้ประชาชนลดการบริโภคน้ำอัดลมและมีสุขภาพที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวแทนอุตสาหกรรมเครื่องดื่มน้ำอัดลมได้ออกมาคัดค้านมาตรการดังกล่าวแล้ว

รายงานข่าวระบุว่า ปีที่ผ่านมา เป๊ปซี่โคล่า มีรายได้รวม 63,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในจำนวนนี้ 12% เป็นรายได้จากการขายน้ำอัดลมภายใต้แบรนด์ ‘เป๊ปซี่’ ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อย รายได้ของเป๊ปซี่ 25% มาจากน้ำอัดลมแบรนด์อื่นๆ เช่น เมาเท่าดิว นอกนั้นเป็นรายได้จากสินค้าประเภทน้ำดื่มบรรจุขวด น้ำผลไม้ (ซึ่งรวมถึงแบรนด์ทรอปิคาน่า) ของกินเล่น (สแน็ค) และเครื่องจิ้ม (dip)

มินดี้ ลับเบอร์ ประธานองค์กรเซเรส องค์กรเอกชนไม่แสวงผลกำไรที่ออกมาเรียกร้องให้ธุรกิจเอกชนมีความรับผิดชอบต่อสังคมและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ให้ความเห็นว่า ความเคลื่อนไหวของเป๊ปซี่โคในครั้งนี้นับเป็นก้าวย่างสู่ทิศทางที่ดี “แต่ถ้าเรามองดูวิกฤติที่เผชิญอยู่ก็จะเห็นว่า มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เรายังควรจะทำได้อีก ถ้าหากบริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มไม่เห็นถึงความสำคัญในเรื่องของคุณค่าโภชนาการ นั่นก็แปลว่าพวกเขาไม่ได้มองไปในทิศทางที่โลกกำลังมุ่งไป”

“ตอนนี้เรากำลังต่อยอดเป้าหมายเก่าที่ตั้งไว้เมื่อ 10 ปีที่ เป็นหมายที่กว้างและครอบคลุมทั้งแง่คุณค่าโภชนาการ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาสังคม” ผู้บริหารของเป๊ปซี่กล่าว ทั้งยังเปิดเผยว่า การดำเนินการตามเป้าหมายเหล่านี้ช่วยให้บริษัทสามารถประหยัดเงินถึง 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประหยัดที่เกิดจากการลดปริมาณใช้น้ำ การลดวัสดุบรรจุภัณฑ์ การลดการใช้พลังงาน รวมทั้งการลดปริมาณขยะและของเสียจากกระบวนการผลิต

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,202 วันที่ 20 - 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559