‘ฮิลลารี’ น็อกเอาต์ ‘ทรัมป์’ ศึกโต้วาทีรอบ 2

12 ต.ค. 2559 | 23:00 น.
จากการเกาะติดการโต้วิสัยทัศน์ ครั้งที่ 2 ระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกัน และนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต กับศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สิ่งที่เราเห็นได้ชัดในเวทีการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ครั้งนี้ คือ ฮิลลารีมีชัยชนะเหนือทรัมป์ หลังจากทั้งคู่ได้หยิบยกประเด็นที่มีความคิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงมาโต้เถียงกัน รวมถึงเรื่องส่วนตัว

สำหรับการดีเบตครั้งที่ 2 เรียกได้ว่าดุเดือดมากกว่าครั้งแรกเป็นอย่างมาก เพราะทั้ง 2 ฝ่ายต่างปล่อยข่าวโจมตีกันสารพัด ตั้งแต่ความไม่โปร่งใสของทรัมป์ ในเรื่องการไม่จ่ายภาษี นโยบายทางการเมืองที่ไม่เป็นรูปธรรม ไปจนถึงกรณีคลิปเสียงของทรัมป์ เมื่อปี 2548 ที่ถูกปล่อยออกมาล่าสุดก่อนการดีเบตเพียงไม่นาน เกี่ยวกับเรื่องการละเมิดผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว จนส่งผลให้ถูกกดดันจากสมาชิกพรรครีพับลิกันให้เขาถอนตัวจากการแข่งขัน ประกอบกับการดีเบตครั้งแรก ทรัมป์ก็เป็นรองอยู่แล้ว ด้านทรัมป์ก็ได้กล่าวโจมตีฮิลลารีในหลายประเด็น เช่นการใช้อี-เมล์ส่วนตัวในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ข้อตกลงนิวเคลียร์กับรัฐบาลอิหร่าน การสนับสนุนรัสเซียทำสงครามในซีเรีย ความล้มเหลวของกฎหมายสวัสดิการสุขภาพโอบามา แคร์, และได้รื้อฟื้นกรณีการข่มขืนผู้หญิงของ บิล คลินตัน ขึ้นมาใหม่

ซึ่งเมื่อเทียบกับการดีเบตครั้งแรก รอบนี้ทรัมป์ดูจะได้เตรียมตัวมาล่วงหน้าดีขึ้น แต่โพลล์สำรวจความเห็นเบื้องต้นของ ซีเอ็นเอ็น/โออาร์ซี พบว่า คลินตันชนะทรัมป์ ด้วยคะแนน 57% ต่อ 34% หลังการดีเบตรอบที่ 2 สิ้นสุดลง ทั้งนี้ การคาดการณ์คะแนนนิยมต่อทรัมป์ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเขากำลังเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากการที่พูดจาด้วยถ้อยคำหยาบคายต่อผู้หญิง และใช้สถานะผู้มีชื่อเสียงทางสังคมของเขาเพื่อให้ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กับเขา จนถูกหลายคนมองว่าทรัมป์ไม่มีคุณสมบัติในการขึ้นเป็นผู้นำของประเทศ

ทั้งนี้ หากมองถึงเรื่องฐานเสียง แน่นอนว่าแต่ละฝ่ายต่างมีกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง ทรัมป์จะมีคะแนนเชียร์ที่แตกต่างออกไป โดยกลุ่มคนชนชั้นกลาง คนอเมริกันผิวขาว จะเป็นฐานเสียงหลักของทรัมป์ เพราะคนเหล่านี้มองว่าเศรษฐกิจของประเทศอเมริกันแย่ลง ซึ่งถ้าคนกลุ่มนี้รวมตัวกันออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ทรัมป์อาจจะได้ฐานเสียงเพิ่มขึ้นและมีโอกาสได้รับชัยชนะ โดยประเด็นเรื่องเศรษฐกิจ ทรัมป์นับว่ามีความได้เปรียบ เพราะทรัมป์เป็นนักธุรกิจมานานก่อนจะก้าวมานักการเมืองเต็มตัวในการเลือกตั้งครั้งนี้

ขณะที่ฐานเสียงของคลินตัน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้สูงอายุ ผู้หญิงทั้งชาวผิวขาวและผิวดำ รวมถึงฮิสแปนิก อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า คลินตันมักจะพ่ายแพ้ในรัฐที่ประชาชนเป็นแรงงานผิวขาว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเหมือง หลังก่อนหน้านี้ คลินตันระบุว่า จะจัดการให้อุตสาหกรรมเหมืองต้องออกจากภาคธุรกิจไป เพื่อจัดการกับมลพิษและการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีนี้มีขึ้นในช่วงที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่แสดงความไม่พอใจต่อสภาพเศรษฐกิจ ถึงแม้อัตราการว่างงานปรับลดลง แต่สภาพของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมีความวิตกกังวล ดังนั้น นโยบายที่เป็นรูปธรรม เพื่อฟื้นฟูการพัฒนาของสหรัฐฯ และวางยุทธศาสตร์ให้แก่อนาคต คือสิ่งที่ชาวอเมริกันต้องการได้ฟัง ประเด็นอย่าง การเพิ่มเงินเดือนขั้นต่ำ ระบบสาธารณสุข และความเสมอภาคทางเพศนั้นจึงเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,200 วันที่ 13 - 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559