คลินตันอัดทรัมป์เรียกคะแนนยกแรก

29 ก.ย. 2559 | 01:00 น.
คะแนนความนิยมในตัวนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตในศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายนศกนี้ ขยับสูงขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่แผ่วลงมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจนเรียกว่าสูสีกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ที่ในช่วงออกสตาร์ททำคะแนนนิยมตามมาค่อนข้างห่างแต่มาตีตื้นได้ในระยะหลัง

การปราศรัยประชันวิสัยทัศน์ของทั้งคู่ หรือการ “ดีเบต” ครั้งแรกที่มีผู้ชมกว่า 100 ล้านคน มีขึ้นเมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา ณ มหาวิทยาลัยฮอฟสตรา (Hofstra University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนบนเกาะลองไอส์แลนด์ สื่อต่างประเทศรายงานข่าวหลังการดีเบตที่ใช้เวลาทั้งสิ้น 90 นาทีผ่านพ้นไปว่า ยกแรกนี้นางฮิลลารีซึ่งออกหมัดอัดจุดอ่อนของนายทรัมป์ไปหลายหมัดน่าจะเป็นผู้ชนะ สอดคล้องกับผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ชมการประชันวิสัยทัศน์ครั้งนี้

จากหลายสำนักที่มีผลออกมาในทิศทางเดียวกันว่า คะแนนนิยมในตัวนางฮิลลารีได้กระเตื้องขึ้นมาเหนือคู่แข่งอีกครั้งอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างผลการสำรวจของสำนักข่าว CNN/ORC ที่ระบุว่า ผู้ชมที่สุ่มสำรวจ 62% ให้นางฮิลลารีเป็นผู้ชนะ ขณะที่ผู้ชมเพียง 27% ให้ทรัมป์ชนะ (แต่การสำรวจมีหมายเหตุไว้ด้วยว่า ผู้ตอบแบบสอบถามครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้นิยมพรรคเดโมแครตของนางฮิลลารีอยู่แล้ว) ผลสำรวจของซีเอ็นเอ็นทั่วประเทศสหรัฐฯพบว่า คะแนนนิยมของสองผู้สมัครสูสีกันแบบหายใจรดต้นคอ โดยฮิลลารีได้ไป 44% และทรัมป์ได้ 42%

ก่อนหน้าการดีเบตเพียงไม่กี่วัน ยังมีผลการสำรวจของสำนักข่าว Reuters/Ipsos ที่ชี้ว่า ชัยชนะจะเป็นของนางฮิลลารีเช่นกัน โดยการสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวเป็นการสุ่มสอบถามทางออนไลน์ชาวอเมริกันกว่า 15,000 คน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่ประชาชนให้ความสนใจการดีเบตครั้งแรกนี้อย่างล้นหลามเป็นเรื่องดี แต่จะดีกว่านั้นหากมันนำไปสู่การออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างล้นหลามด้วยในวันที่ 8 พฤศจิกายนซึ่งหากคนอเมริกันออกมาใช้สิทธิ์มาก ก็เชื่อว่าชัยชนะน่าจะตกเป็นของนางฮิลลารี แต่ถ้าคนออกมาใช้สิทธิ์น้อย อานิสงส์น่าจะตกเป็นของนายทรัมป์

จุดอ่อนของนายทรัมป์ที่ถูกเปิดแผลในการปราศรัยประชันวิสัยทัศน์ในครั้งแรกนี้คือ ประเด็นที่เขาไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลการคืนภาษี การใช้วาจาจาบจ้วงเหยียดหยันสตรี และคนกลุ่มน้อยแตกต่างชาติพันธุ์ในสหรัฐฯ ที่แย่ไปกว่านั้น คือการที่นายทรัมป์มักจะพูดถึงข้อมูลที่ไม่มีหลักฐานอ้างอิงหรือเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงหลายครั้งหลายคราด้วยกัน ทำให้เขามีภาพลักษณ์การเป็นนักพูดที่ขาดความน่าเชื่อถือ ด้านนายทรัมป์เองเมื่อถูกเปิดแผลบนเวทีก็มีการตอกกลับไปบ้าง เช่นเมื่อถูกทวงถามเรื่องการเปิดเผยข้อมูลการคืนภาษี เขาย้อนกลับว่าจะเปิดเผยก็ได้ แต่นางฮิลลารีก็ต้องยอมเปิดเผยข้อมูลกว่า 33,000 ฉบับจากอี-เมล์ส่วนตัวสมัยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ที่เธอลบทิ้งก่อนหน้านี้

ในส่วนของการเพิ่มการจ้างงานและสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจสหรัฐ นางฮิลลารีไม่เห็นด้วยที่ทรัมป์จะขึ้นภาษีคนรวย ขณะเดียวกันเธอสนับสนุนแรงงานชนชั้นกลางและจะใช้เวทีเจรจาการค้าให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่ในประเด็นเดียวกันนี้ นายทรัมป์ระบุว่าเขาจะลดภาษีการค้าให้กับบริษัทต่างๆเพื่อรักษาฐานการผลิตในสหรัฐฯ และจะทบทวนข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศคู่ค้าเพื่อดึงการจ้างงานกลับประเทศ บรรดานักวิเคราะห์ในตลาดการเงินออกมาระบุว่า ทรัมป์ทำได้ดีกว่าที่คาดในการดีเบตครั้งแรกนี้ แต่นั่นอาจไม่เป็นผลดีกับตลาดการเงินมากนัก เพราะหากเขามีโอกาสได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปจริงๆ ผลเสียน่าจะตกกับตลาดการเงินมากกว่า

หลังจากยกแรกนี้ การดีเบต 2 ครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 9 และ 19 ตุลาคมตามลำดับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,196
วันที่ 29 กันยายน - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559