‘แอพสกู๊ตตาร์ เตรียมสยายปีก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เป็น1ใน 7 ทีม ที่ได้รับเงินสนับสนุนระยะเริ่มต้น หรือ Seed Funding จาก VC หรือ Venture Capital ทั้งในประเทศ และ จากเงินทุนต่างชาติ นำโดยกองทุน 500 ตุ๊กตุ๊ก , Golden Gate Venture , KK Fund, Galaxy Venture , อุ๊คบี และ เถ้าแก่น้อย รวมเงินทุน 70 ล้านบาท
ซึ่งแอพพลิเคชัน "สกู๊ตตาร์" เป็น1ใน 7 ทีมที่ได้รับเงินสนับสนุน และ แอพดังกล่าวเป็นบริการเรียกเมสเซนเจอร์ รับส่งเอกสาร วางบิล เก็บเช็ค ผ่านช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ และ แอพพลิเคชันมือถือ สำหรับ บริษัทเอสเอ็มอี ร้านอาหาร และ ธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ เป็นสตาร์ตอัพดาวรุ่ง ที่เกิดและเติบโตขึ้น 12 เท่า ภายใน 8 เดือน หลังจากเข้าร่วมดีแทค แอคเซอเลอเรท บูธแคมป์ ได้รับเงินลงทุนจากกองทุน 500 สตาร์ตอัพ และ Galaxy Venture
[caption id="attachment_62065" align="aligncenter" width="347"]
สุวัฒน์ ปฐมภควันต์[/caption]
อย่างไรก็ตาม "ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นาย สุวัฒน์ ปฐมภควันต์ (บอย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท สกู๊ตตาร์ จำกัด นักธุรกิจหนุ่มวัย 36 ปี มีดีกรีจบการศึกษาระดับปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยน็อตติงแฮม ประเทศอังกฤษ เกี่ยวกับที่มาที่ไป และ อนาคตของ สกู๊ตตาร์ หลายมุมมองของหนุ่มคนนี้น่าสนใจยิ่ง
"บอย" บอกว่า "สกู๊ตตาร์" เป็นบริษัทสตาร์ตอัพที่เริ่มตั้งแต่กลางปี 2557 เข้าแข่งขันโครงการหลายโครงการ และ ได้รางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันในโครงการ Angel Hack Bangkok 2014 ซึ่งจัดโดย AngelHack องค์กรส่งเสริมธุรกิจใหม่ในยุคดิจิทัลระดับโลก , รางวัล Top 8 ECHELON Thailand 2014 , รางวัล Top 10 teams at True Incube Asia Pacific Mobile App Challenge 2014 และ Top 6 dtac Accelerate Batch ซีซัน 3 ในปี 2558
จุดเริ่มต้น "สกู๊ตตาร์"
"เขา" บอกว่าที่มาของ"สกู๊ตตาร์" เริ่มต้นจากผมและผู้ร่วมก่อตั้งจำนวน 3 คน เข้าประกวด AngelHack องค์กรส่งเสริมธุรกิจใหม่ในยุคดิจิทัลระดับโลก เมื่อปี 2557 ที่ผ่านมาตอนเสนอที่เสนอผลงานเข้าประกวดคิดชื่อยังคิดไม่ออก แต่สุดท้ายคิดชื่อได้ในคืนนั้น คือ "สกู๊ตตาร์"
เหตุผลที่พัฒนาแอพพลิเคชันดังกล่าว เนื่องจากว่าที่ผ่านมาเป็นเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอี มาก่อน และประสบปัญหาด้วยตัวเองจากการทำธุรกิจ เช่น เรื่องความสะดวกสบายในการหา เมสเซนเจอร์ ความไว้ใจได้ และ ราคาที่เหมาะสม
นั่นจึงเป็นที่มาด้วยการนำเทคโนโลยีจะสามารถปรับปรุงการให้บริการในด้านนี้ให้ดีขึ้นได้ เพราะเชื่อว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่เอื้อประโยชน์ทั้งฝ่ายลูกค้า และ ผู้ให้บริการ (Win-win Situation) ผ่านการใช้นวัตกรรม และ โทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟน เข้ามาทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงเมสเซนเจอร์จำนวนมาก ได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้วสัมผัส
"ตอนที่เปิดให้บริการใหม่ ๆ ยังไม่มีคู่แข่ง แต่ตอนนี้มีคู่แข่ง 6-7 ราย ไม่ว่าจะเป็น แกร็บ และ อูเบอร์ แท็กซี่ เป็นต้น"
จับกลุ่ม SME
แม้จะมีคู่แข่งในตลาดเพิ่มขึ้น หากแต่ "บอย" บอกว่า ผ่านประสบการณ์จาการทำธุรกิจทางด้านเอสเอ็มอี มาก่อนเข้าใจถึงปัญหาของ เอสเอ็มอี และ ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมานั้นเจาะกลุ่มเอสเอ็มอี โดยตรง และ การจัดเก็บเงินจะเก็บ 1 ครั้งในทุก ๆ สิ้นเดือน
"เมสเซนเจอร์ของเราเป็นโปรเมสเซนเจอร์ มีจำนวนถึง 1 พันคัน เพื่อให้บริการจัดส่งเอกสารให้กับกลุ่มลูกค้า เอสเอ็มอี ฯ ที่มีความประสงค์จะส่งเอกสารไปยังปลายทาง และ สามารถส่งเอกสารขึ้นไปยังตึกเอ็มไพร์ทาวเวอร์ได้อีกด้วย"
ยอดโหลดหลักหมื่น
"บอย" บอกต่ออีกว่า สำหรับยอดดาวน์โหลดของ"สกู๊ตตาร์" อยู่ที่หลักหมื่น และ มีลูกค้าที่เป็นเอสเอ็มอีดาวน์โหลดและใช้บริการไปแล้วหลายพันราย
เหตุผลที่ เอสเอ็มอี เหล่านี้มาใช้บริการแอพเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่อยากแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเมสเซนเจอร์ เลยหันมาใช้แอพมากขึ้น เพราะหน้าที่ของเมสเซนเจอร์นั้นงานหลักๆ คือ รับส่งเอกสาร ,เก็บเช็ค วางบิล ,รับส่งของ รับส่งสินค้า รับส่งอาหาร , ฝากส่งไปรษณีย์ และ เดินเอกสาร ติดต่อราชการ ชำระค่าสาธารณูปโภค
รายได้มาจากค่าคอมมิสชัน
สำหรับรายได้จาการให้บริการนั้นมาจากค่าคอมมิชชั่น และ ส่วนหนึ่งก็แบ่งให้เมสเซนเจอร์
สยายปีกไปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับเป้าหมายของ "สกู๊ตตาร์" นั้นระยะสั้นขยายฐานลูกค้า และ ปรับปรุงออกแบบโปรดักต์เจาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี โดยปลายปีนี้จะขยายพื้นที่ไปยัง จ.ชลบุรี และหัวเมืองใหญ่ หลังจากนั้นขยายตลาดไปยังเซาธ์อีสต์เอเชีย หรือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม และ มาเลเซีย โดยจะหาผู้ประกอบการท้องถิ่นในแต่ละประเทศเข้ามาเป็นพันธมิตร อาทิเช่น ดีแทค มีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ เทเลนอร์กรุ๊ป ให้บริการในประเทศมาเลเซีย เป็นต้น
รัฐฯหนุนเป็นเรื่องที่ดี
ปีที่ผ่านมากระแสสตาร์ทอัพฯเติบโตมาก ซึ่ง สกู๊ตตาร์ เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่โชคดี เริ่มต้นธุรกิจมา 1 ปี ช่วงนั้นยังไม่มีคู่แข่งทำให้บริษัทสามารถมีฐานลูกค้ารวดเร็วกว่าผู้ประกอบการรายอื่น
ดังนั้นการที่รัฐบาลฯเข้ามาสนับสนุนในเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะทุกสตาร์ตอัพนั้นเป็นเอสเอ็มอี แต่ทุกเอสเอ็มอีไม่ใช่สตาร์ทอัพ เพราะสตาร์ตอัพนั้นจะต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะคีย์เวิร์ดที่สำคัญ คือ เทคโนโลยี เพื่อนำสินค้ามาค้าขายบนโลกออนไลน์ในการต่อยอดธุรกิจ
รายใหญ่ลงทุน 2 ราย
สำหรับ VC ที่เข้ามาลงทุนในขณะนี้มีรายใหญ่จำนวน 2 ราย และรายย่อยอีก 7-8 ราย แต่ไม่ขอเปิดเผยข้อมูล
มี "ไอเดีย" ต้องลงมือทำ
สุดท้าย บอย บอกว่า ถ้าทุกคนมี ไอเดีย แล้วลงมือทำลองผิด ลองถูก สักวันก็จะผ่านไปได้ แต่ปัญหา คือ คนส่วนใหญ่มี ไอเดีย แต่ไม่ลงมือทำ
"สกู๊ตตาร์" เป็นแอพที่สามารถสั่งงานจากที่ไหนก็ได้และแจ้งให้ทราบในไม่กี่นาทีว่าพนักงานคนไหนรับงาน เข้าไปรับงานได้รวดเร็ว เนื่องจากมีเมสเซนเจอร์กระจายตัวอยู่ทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หลากหลายช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ www.skootar.com และ แอพพลิเคชันมือถือ และสั่งงานให้เข้าไปทันที หรือสั่งงานล่วงหน้าก็ได้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,165 วันที่ 12 - 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559
ซึ่งแอพพลิเคชัน "สกู๊ตตาร์" เป็น1ใน 7 ทีมที่ได้รับเงินสนับสนุน และ แอพดังกล่าวเป็นบริการเรียกเมสเซนเจอร์ รับส่งเอกสาร วางบิล เก็บเช็ค ผ่านช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ และ แอพพลิเคชันมือถือ สำหรับ บริษัทเอสเอ็มอี ร้านอาหาร และ ธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ เป็นสตาร์ตอัพดาวรุ่ง ที่เกิดและเติบโตขึ้น 12 เท่า ภายใน 8 เดือน หลังจากเข้าร่วมดีแทค แอคเซอเลอเรท บูธแคมป์ ได้รับเงินลงทุนจากกองทุน 500 สตาร์ตอัพ และ Galaxy Venture
[caption id="attachment_62065" align="aligncenter" width="347"]
อย่างไรก็ตาม "ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นาย สุวัฒน์ ปฐมภควันต์ (บอย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท สกู๊ตตาร์ จำกัด นักธุรกิจหนุ่มวัย 36 ปี มีดีกรีจบการศึกษาระดับปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยน็อตติงแฮม ประเทศอังกฤษ เกี่ยวกับที่มาที่ไป และ อนาคตของ สกู๊ตตาร์ หลายมุมมองของหนุ่มคนนี้น่าสนใจยิ่ง
"บอย" บอกว่า "สกู๊ตตาร์" เป็นบริษัทสตาร์ตอัพที่เริ่มตั้งแต่กลางปี 2557 เข้าแข่งขันโครงการหลายโครงการ และ ได้รางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันในโครงการ Angel Hack Bangkok 2014 ซึ่งจัดโดย AngelHack องค์กรส่งเสริมธุรกิจใหม่ในยุคดิจิทัลระดับโลก , รางวัล Top 8 ECHELON Thailand 2014 , รางวัล Top 10 teams at True Incube Asia Pacific Mobile App Challenge 2014 และ Top 6 dtac Accelerate Batch ซีซัน 3 ในปี 2558
จุดเริ่มต้น "สกู๊ตตาร์"
"เขา" บอกว่าที่มาของ"สกู๊ตตาร์" เริ่มต้นจากผมและผู้ร่วมก่อตั้งจำนวน 3 คน เข้าประกวด AngelHack องค์กรส่งเสริมธุรกิจใหม่ในยุคดิจิทัลระดับโลก เมื่อปี 2557 ที่ผ่านมาตอนเสนอที่เสนอผลงานเข้าประกวดคิดชื่อยังคิดไม่ออก แต่สุดท้ายคิดชื่อได้ในคืนนั้น คือ "สกู๊ตตาร์"
เหตุผลที่พัฒนาแอพพลิเคชันดังกล่าว เนื่องจากว่าที่ผ่านมาเป็นเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอี มาก่อน และประสบปัญหาด้วยตัวเองจากการทำธุรกิจ เช่น เรื่องความสะดวกสบายในการหา เมสเซนเจอร์ ความไว้ใจได้ และ ราคาที่เหมาะสม
นั่นจึงเป็นที่มาด้วยการนำเทคโนโลยีจะสามารถปรับปรุงการให้บริการในด้านนี้ให้ดีขึ้นได้ เพราะเชื่อว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่เอื้อประโยชน์ทั้งฝ่ายลูกค้า และ ผู้ให้บริการ (Win-win Situation) ผ่านการใช้นวัตกรรม และ โทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟน เข้ามาทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงเมสเซนเจอร์จำนวนมาก ได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้วสัมผัส
"ตอนที่เปิดให้บริการใหม่ ๆ ยังไม่มีคู่แข่ง แต่ตอนนี้มีคู่แข่ง 6-7 ราย ไม่ว่าจะเป็น แกร็บ และ อูเบอร์ แท็กซี่ เป็นต้น"
จับกลุ่ม SME
แม้จะมีคู่แข่งในตลาดเพิ่มขึ้น หากแต่ "บอย" บอกว่า ผ่านประสบการณ์จาการทำธุรกิจทางด้านเอสเอ็มอี มาก่อนเข้าใจถึงปัญหาของ เอสเอ็มอี และ ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมานั้นเจาะกลุ่มเอสเอ็มอี โดยตรง และ การจัดเก็บเงินจะเก็บ 1 ครั้งในทุก ๆ สิ้นเดือน
"เมสเซนเจอร์ของเราเป็นโปรเมสเซนเจอร์ มีจำนวนถึง 1 พันคัน เพื่อให้บริการจัดส่งเอกสารให้กับกลุ่มลูกค้า เอสเอ็มอี ฯ ที่มีความประสงค์จะส่งเอกสารไปยังปลายทาง และ สามารถส่งเอกสารขึ้นไปยังตึกเอ็มไพร์ทาวเวอร์ได้อีกด้วย"
ยอดโหลดหลักหมื่น
"บอย" บอกต่ออีกว่า สำหรับยอดดาวน์โหลดของ"สกู๊ตตาร์" อยู่ที่หลักหมื่น และ มีลูกค้าที่เป็นเอสเอ็มอีดาวน์โหลดและใช้บริการไปแล้วหลายพันราย
เหตุผลที่ เอสเอ็มอี เหล่านี้มาใช้บริการแอพเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่อยากแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเมสเซนเจอร์ เลยหันมาใช้แอพมากขึ้น เพราะหน้าที่ของเมสเซนเจอร์นั้นงานหลักๆ คือ รับส่งเอกสาร ,เก็บเช็ค วางบิล ,รับส่งของ รับส่งสินค้า รับส่งอาหาร , ฝากส่งไปรษณีย์ และ เดินเอกสาร ติดต่อราชการ ชำระค่าสาธารณูปโภค
รายได้มาจากค่าคอมมิสชัน
สำหรับรายได้จาการให้บริการนั้นมาจากค่าคอมมิชชั่น และ ส่วนหนึ่งก็แบ่งให้เมสเซนเจอร์
สยายปีกไปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับเป้าหมายของ "สกู๊ตตาร์" นั้นระยะสั้นขยายฐานลูกค้า และ ปรับปรุงออกแบบโปรดักต์เจาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี โดยปลายปีนี้จะขยายพื้นที่ไปยัง จ.ชลบุรี และหัวเมืองใหญ่ หลังจากนั้นขยายตลาดไปยังเซาธ์อีสต์เอเชีย หรือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม และ มาเลเซีย โดยจะหาผู้ประกอบการท้องถิ่นในแต่ละประเทศเข้ามาเป็นพันธมิตร อาทิเช่น ดีแทค มีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ เทเลนอร์กรุ๊ป ให้บริการในประเทศมาเลเซีย เป็นต้น
รัฐฯหนุนเป็นเรื่องที่ดี
ปีที่ผ่านมากระแสสตาร์ทอัพฯเติบโตมาก ซึ่ง สกู๊ตตาร์ เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่โชคดี เริ่มต้นธุรกิจมา 1 ปี ช่วงนั้นยังไม่มีคู่แข่งทำให้บริษัทสามารถมีฐานลูกค้ารวดเร็วกว่าผู้ประกอบการรายอื่น
ดังนั้นการที่รัฐบาลฯเข้ามาสนับสนุนในเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะทุกสตาร์ตอัพนั้นเป็นเอสเอ็มอี แต่ทุกเอสเอ็มอีไม่ใช่สตาร์ทอัพ เพราะสตาร์ตอัพนั้นจะต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะคีย์เวิร์ดที่สำคัญ คือ เทคโนโลยี เพื่อนำสินค้ามาค้าขายบนโลกออนไลน์ในการต่อยอดธุรกิจ
รายใหญ่ลงทุน 2 ราย
สำหรับ VC ที่เข้ามาลงทุนในขณะนี้มีรายใหญ่จำนวน 2 ราย และรายย่อยอีก 7-8 ราย แต่ไม่ขอเปิดเผยข้อมูล
มี "ไอเดีย" ต้องลงมือทำ
สุดท้าย บอย บอกว่า ถ้าทุกคนมี ไอเดีย แล้วลงมือทำลองผิด ลองถูก สักวันก็จะผ่านไปได้ แต่ปัญหา คือ คนส่วนใหญ่มี ไอเดีย แต่ไม่ลงมือทำ
"สกู๊ตตาร์" เป็นแอพที่สามารถสั่งงานจากที่ไหนก็ได้และแจ้งให้ทราบในไม่กี่นาทีว่าพนักงานคนไหนรับงาน เข้าไปรับงานได้รวดเร็ว เนื่องจากมีเมสเซนเจอร์กระจายตัวอยู่ทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หลากหลายช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ www.skootar.com และ แอพพลิเคชันมือถือ และสั่งงานให้เข้าไปทันที หรือสั่งงานล่วงหน้าก็ได้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,165 วันที่ 12 - 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559