R3 เร่งดันบล็อกเชน ยกเครื่องการเงินดิจิทัล

06 เม.ย. 2564 | 11:45 น.

R3 ยกไทยแซงคู่แข่ง ปูทางสู่ศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินหน้าสานต่อร่วมมือพันธมิตร นำเทคโนโลยีบล็อกเชน ยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐานตลาดการเงินในไทย

นายอามิต กอช ผู้อำนวยการ R3 ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าไทยแซงหน้าคู่แข่งในภูมิภาคนี้ และกำลังปูทางไปสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในประเทศไทยในช่วงต้น ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยรัฐบาลไทย สถาบันการเงินแบบดั้งเดิม และกลุ่มบริษัทที่ดำเนินการเพื่อผสานรวมเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ากับธุรกิจของตน ขณะที่ “สภาวะปกติใหม่” เรียกร้องให้ธุรกิจต้องเปลี่ยนรูปแบบไปสู่ดิจิทัล เพื่อให้สามารถอยู่รอดต่อไปได้ โดยเชื่อมั่นว่าการเปิดกว้างของไทยในการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลและการนำบล็อกเชนมาใช้มีส่วนช่วยผลักดันประเทศให้ก้าวลํ้าหน้าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้

R3 เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่บุกเบิกการเปลี่ยน แปลงอุตสาหกรรมดิจิทัลด้วยการนำเสนอเทคโนโลยี Distributed Ledger Technology (DLT) เทคโนโลยีบล็อกเชนที่สร้างขึ้นเองโดยเฉพาะสำหรับธุรกิจทุกประเภทในทุกอุตสาหกรรม Corda ได้รับการพัฒนาโดยความร่วมมือกับสถาบัน Ecosystem มากกว่า 350 แห่ง ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนระดับองค์กรของ R3 กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมทั้งหมดด้วยการปรับเปลี่ยนกระบวนการและระบบให้เป็นดิจิทัลซึ่ง บริษัทต่างๆ ต้องพึ่งพาในการเชื่อมต่อและทำธุรกรรมระหว่างกัน

 

อามิต กอช

 

สำหรับการดำเนินธุรกิจในไทยบริษัทเริ่มต้นในภาคธุรกิจธนาคาร ทำให้มีโอกาสได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารแห่งประเทศ ไทย ตลอดจนสถาบันการเงินชั้นนำ เพื่อจัดการกับปัญหาเร่งด่วนที่สุด ในด้านการเงิน การค้า ห่วงโซ่อุปทาน และการชำระเงินแบบ B2B งานที่เกี่ยวข้องในด้านซัพพลายเชน เราเข้าใจว่ากระบวนการจัดหา เพื่อจ่ายซัพพลายเชนในปัจจุบัน มีแนวโน้มที่จะเป็นกระบวนการที่ล่าช้า และไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากการพึ่งพาเอกสารที่เป็น กระดาษ อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้มากขึ้น ความไร้ประสิทธิภาพเหล่านี้ ยังส่งผลให้ธุรกิจต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามมา

 

R3 ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยี ในโครงการอินทนนท์เฟส 1 และ 2 ของธนาคารแห่งประเทศไทย และโครงการอินทนนท์-ไลออนร็อก (Project Inthanon-Lionrock) ของธนาคารกลางฮ่องกงและธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยเหตุนี้เราได้สำรวจการใช้เทคโนโลยี Distributed Ledger Technology (DLT) และศักยภาพการใช้งานของซอฟต์แวร์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของตลาดการเงินในประเทศของไทย

นอกจากนี้ยังได้ร่วมการทำงานกับธนาคารไทยพาณิชย์ ทำให้เกิดโซลูชันบล็อกเชนแบบครบวงจรเป็นรายแรกของโลก สำหรับการจัดหา จัดการจ่ายที่เรียกว่า B2P ซึ่งขับเคลื่อนโดยผลิตภัณฑ์ Corda ผลิตภัณฑ์เรือธงของ R3 โซลูชันนี้ยังได้รับการนำมาใช้โดยเครือซิเมนต์ไทย ซึ่งเป็นบริษัท ปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่อื่นๆ ของไทย ด้วยการใช้ประโยชน์จากบล็อกเชน B2P สามารถช่วยลดเวลาที่ใช้ในกระบวนการจัดซื้อได้เป็นอย่างมาก และสามารถลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องได้ถึงกว่า 70% เมื่อเร็วๆ นี้ โซลูชัน B2P ได้ถูกนำไปใช้ในระบบนิเวศซัพพลายเออร์ของเครือซิเมนต์ไทย โดยคาดว่าซัพพลายเออร์มากกว่า 6,500 รายจะได้รับประโยชน์จากโซลูชันนี้

 

นายอามิต กอช กล่าวต่อไปอีกว่าบริษัทเล็งเห็นโอกาสและนวัตกรรมใหม่ๆ ประกอบกับการสานต่อความร่วมมือกับกลุ่มคู่ค้าธุรกิจและผู้ใช้บริการในระบบนิเวศ หรือ Ecosystem รายใหญ่ที่สุดของประเทศ เพื่อแปลงเป็นดิจิทัลและนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบในอุตสาหกรรมต่างๆ ล่าสุดเราได้ประกาศต่อสัญญาพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจร่วมกับธนาคารกรุงเทพในวันที่ 4 มีนาคม 2564 ภายใต้ความร่วมมือของกลุ่มพันธมิตร R3 ที่มีธนาคารกรุงเทพซึ่ง เป็นธนาคารแห่งแรกในอาเซียนร่วมเป็นสมาชิกสามารถนำ Corda Enterprise ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Corda Enterprise Blockchain แบบครบวงจรของ R3 มาใช้ในการพัฒนาบริการด้านการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) ตลาดทุนและการให้บริการเชิงพาณิชย์

เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นธนาคารกรุงเทพและสถาบันการเงินอื่นๆ ของเราได้รับประโยชน์จากบล็อกเชน ขณะนี้สถาบันการเงินสามารถเข้าถึงวิธีการที่โปร่งใส ปลอดภัย และคุ้มค่ามากขึ้นในการจัดการธุรกรรม เพื่อปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในระบบนิเวศทางการเงินซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า

 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,667 หน้า 16 วันที่ 4 - 7 เมษายน 2564