'บิ๊กป้อม' หนุน 'ดีอีเอส' ปิดกั้นสื่อออนไลน์ผิดกฎหมาย

29 ต.ค. 2563 | 05:53 น.

“พล.อ.ประวิตร” ติดตามการทำงานของกระทรวงดิจิทัลฯ ย้ำเพิ่มประสิทธิภาพการปิดกั้นสื่อออนไลน์ผิดกฎหมาย พัฒนาอุปกรณ์ เครื่องมือ ให้ทันกับเทคโนโลยีเพื่อการสืบค้น พิสูจน์หลักฐาน และหาตัวผู้กระทำผิดให้ได้อย่างจริงจัง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

           พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ชื่นชมผลการดำเนินงานของกระทรวงดิจิทัลฯ ซึ่งสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาลเป็นอย่างดี และถือเป็นกำลังสำคัญของรัฐบาลในการดำเนินการ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ในโอกาสนี้ได้มอบหมายแนวทางทำงาน 8 ข้อ เพื่อให้กระทรวงฯ ดำเนินการต่อเนื่อง รองรับเป้าหมายให้คนไทยทั้งประเทศสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ในระบบดิจิทัล หนุนสร้างความตระหนักรับรู้อย่างทั่วถึง และรู้เท่าทันภัยจากสื่อออนไลนโดยในด้านสังคมรวมทั้งความมั่นคง ประกอบด้วย 1.ช่วยกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาส เป็นพิเศษ โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้เข้าถึงและสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล ได้อย่างเหมาะสม 2.เร่งทำการแก้ไขปัญหาข่าวปลอม (เฟคนิวส์) ที่กระทรวงฯ กำลังดำเนินการ ต้องนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วย ประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทำให้เป็นรูปธรรม และให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าถึงประชาชนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

       3.เร่งป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ โดยบูรณาการการทำงาน และดำเนินการตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ อย่างเคร่งครัด และ 4.ขับเคลื่อนการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อป้องกันภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคง และทวีความสำคัญมากขึ้น 

“โดยจากเหตุการณ์เมื่อต้นสัปดาห์ ที่กลุ่มผู้เรียกตัวเองว่า กลุ่มไซเบอร์ทรีฟิงเกอร์ ทำการโจมตีเว็บไซต์สารสนเทศภาครัฐ 5 หน่วยงาน แต่เราสามารถตั้งรับได้ ไม่เกิดปัญหาระบบล่ม และสามารถให้บริการได้ตามปกติ เป็นบทพิสูจน์ความสำคัญของสำนักงานไซเบอร์ฯ” พล.อ.ประวิตรกล่าว

           ขณะที่ในด้านเศรษฐกิจ ประกอบด้วย 1.เร่งรัดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ ให้กับประชาชน สร้างงานในพื้นที่ต่างจังหวัด พื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มฐานราก เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย คนด้อยโอกาส 2.วางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ทันสมัย ขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยี 5G และเร่งรัดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลดังกล่าว เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ ตลอดจนการให้บริการสาธารณสุขและการศึกษาทางไกลกับประชาชน 3.เตรียมคนไทยและแรงงานไทยให้พร้อมสู่โลกดิจิทัล สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ในระบบดิจิทัล สร้างความรู้ความเข้าใจการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ 4.พัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมดิจิทัล เร่งส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ให้กระจายไปทุกภูมิภาค ทุกจังหวัด ทั่วประเทศโดยเร็ว

'บิ๊กป้อม' หนุน 'ดีอีเอส' ปิดกั้นสื่อออนไลน์ผิดกฎหมาย

       ทั้งนี้สืบเนื่องจากปัจจุบัน สื่อสังคมออนไลน์มีบทบาทสร้างความขัดแย้งในสังคม การปลุกปั่นยั่วยุ และการแสดงออกอย่างไม่เหมาะสม กระทรวงดิจิทัลฯ ต้องมีบทบาทในการแก้ไขเรื่องดังกล่าว จึงขอให้กระทรวงฯ เพิ่มประสิทธิภาพการปิดกั้นเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมาย และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและเปิดเผยให้สังคมได้รับทราบ

“เราเห็นตัวอย่างจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้วว่า ม็อบใช้สื่อดิจิทัลในการปลุกระดมคนมาร่วมการชุมนุมทางการเมือง ดังนั้นเป็นบทบาทของกระทรวงดิจิทัลฯ ในเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน ก็อยากฝากให้ทางตำรวจ เร่งรัดติดตามดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการปิดและระงับการเข้าถึงยูอาร์แอลหมิ่นฯ หรือผิดกฎหมาย ตามที่กระทรวงฯ ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว เพราะถ้ามีการดำเนินคดีเป็นตัวอย่าง 1-2 คดี แพลตฟอร์มต่างประเทศก็จะได้เห็นว่าประเทศไทยมีกฎหมายและเรามีการบังคับใช้จริง” พล.อ.ประวิตรกล่าว 
 

      นอกจากนี้ ขอให้ประสานและขอความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด รวมถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) ในประเทศ และแพลตฟอร์มต่างประเทศ

“ขอให้กระทรวงดิจิทัลฯ พัฒนาอุปกรณ์ เครื่องมือ ให้ทันกับเทคโนโลยีเพื่อการสืบค้น พิสูจน์หลักฐาน และหาตัวผู้กระทำผิดให้ได้อย่างจริงจัง และสร้างความตระหนักรับรู้ การรู้เท่าทันจากภัยออนไลน์ ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง” พล.อ.ประวิตรกล่าว