‘Jordsabuy’ ลุยต่อยอดแพลตฟอร์ม บริหารที่จอดรถ

      ที่จอดรถมีดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะปริมาณรถที่มากขึ้นจากการขยายตัวของชุมชนเมือง อีกทั้งลานจอดรถเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับความสนใจน้อยกว่าเมื่อเทียบกับพื้นที่ใช้สอยอื่นๆ ขณะที่แต่ละเดือนลานจอดรถบางแห่งสามารถสร้างรายได้ได้ถึงหลักแสนบาท  ซึ่งในประเทศไทยมีลานจอดรถมากกว่า 100,000 แห่ง คิดเป็นมูลค่าใช้จ่ายราว 1,000 ล้านบาท โดยแต่ละวันมีรถที่ต้องการที่จอดรถประมาณ 1 ล้านคัน “ธนภูมิ สุกัญจนศิริ สตาร์ทอัพผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม Jordsabuy” เปิดเผยผ่านบทสัมภาษณ์ของ “ฐานเศรษฐกิจ” 

    Jordsabuy (จอดสบาย) เป็นแพลตฟอร์มหรือมาร์เก็ตเพลสสำหรับการจองที่จอดรถ ในรูปแบบเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน ด้วยการเป็นตัวกลางช่วยจับคู่ (Matching) ระหว่างผู้ที่ต้องการหาที่จอดรถและผู้ที่มีพื้นที่สำหรับจอดรถ เนื่องจากการค้นหาที่จอดรถนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและเป็นความยากลำบากของหลายๆ คน แต่ขณะเดียวกันก็มองเห็นโอกาสจากประสบการณ์ที่บ้านอยู่ใกล้กับสนามกีฬาและมีพื้นที่ว่างจึงเปิดบ้านให้เป็นที่จอดรถสำหรับคนที่กำลังมองหาที่จอดซึ่งเป็น Painpoint ทั้งในฝั่งของผู้ที่ต้องการหาที่จอดและผู้ที่มีพื้นที่ที่สามารถนำมาใช้ในการสร้างรายได้เพิ่ม “จอดสบาย” เปิดให้บริการมาประมาณ 2 ปี มีพาร์ตเนอร์ ลานจอดรถทั้งสถานที่ส่วนบุคคล บ้านพักอาศัย และลานจอดรถของอาคารพาณิชย์ต่างๆ ที่นำลานจอดรถมาสร้างมูลค่าเพิ่มโดยปัจจุบันมีลานจอดรถที่ให้บริการกว่า 400 โลเคชัน รวมกว่า500 ช่องจอด

ชูโซลูชันบริหารลานจอดรถ

      นอกจากการให้บริการมาร์เก็ตเพลสแล้ว “จอดสบาย” ยังได้มีการพัฒนานวัตกรรมลานจอดรถ หรือ Cloud Parking Management เพื่อเข้าไปเติมเต็มลานจอดรถต่างๆ โดยเป็นคลาวด์โซลูชันในการบริหารจัดการลานจอดรถ จัดการด้านรายได้ ตรวจสอบข้อมูล ทำรายงานให้กับเจ้าของสถานที่ ด้วยการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ อุปกรณ์ไอโอที ปาร์คกิ้ง เซ็นเซอร์ อุปกรณ์บริหารลานจอด ไม้กั้น ฯลฯ ซึ่งสามารถอินทิเกรตเข้ามาใช้กับระบบของ “จอดสบาย” ได้ โดยขณะนี้มีลานจอดที่ใช้โซลูชัน Cloud Parking Management แล้วประมาณ 6 ลานจอด

“โซลูชันดังกล่าวเพิ่งมีการเปิดตัวและให้บริการได้ประมาณ 3 เดือน เนื่องจากสถานการณ์โควิดเป็นช่วงที่ต้องชะลอการทำการตลาด หรือการหาผู้ใช้ใหม่ จึงมีการพัฒนาโมเดลธุรกิจและแอพพลิเคชันเพิ่มเติม เพื่อให้พาร์ตเนอร์ลานจอดรถเข้ามา ให้บริการได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเห็นชัดเจนขึ้นในช่วงปลายปี 2563 เนื่อง จากผลิตภัณฑ์ของเราพัฒนาไปพร้อมๆ กับการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าโดยคาดหวังว่าภายใน 2 ปี เราจะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและสร้างมูลค่าให้ลานจอดรถ”

เปิดโมเดลรายได้

     ทั้งนี้โมเดลรายได้ของแพลตฟอร์ม “จอดสบาย” นั้นจะมาจาก 2 ส่วนคือ 1. มาร์เก็ตเพลส ซึ่งมีค่าคอมมิชชัน สำหรับลานจอดรถที่อยู่บนแฟลตฟอร์มประมาณ 15-20% ขึ้นอยู่กับสถานที่ และ 2. คลาวด์โซลูชันบริหารจัดการลานจอดรถ ซึ่งคิดค่าบริการในรูปแบบค่าธรรมเนียมสมาชิก (Subscription fee) รายเดือน เริ่มต้นที่ 3,300 บาทต่อเดือน ตามแพ็กเกจและฟีเจอร์ รวมถึงการสนับ สนุนจากภาครัฐเช่นสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ depa และกองทุนวิจัยต่างๆ ที่เข้ามาสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม นอกจากนี้ “จอดสบาย” ยังมองหา Venture Capital (VC) หรือนักลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเร่งขยายการเติบโตของธุรกิจให้มากขึ้น

ตั้งเป้าเติบโต 2.5 เท่า

     สำหรับอัตราการเติบโตปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น ประมาณ 2.5 เท่าและภายในสิ้นปีนี้ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 2.5 เท่า ซึ่งผล กระทบจากโควิดนั้นทำให้จำนวนลูกค้าลดลง และมีผู้ใช้ บริการน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 10% ถือว่าไม่มาก เนื่องจากที่จอดรถยังมีดีมานด์ที่ผู้ใช้งานต้องการอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมาร์เก็ตเพลสมีทราฟิกเฉลี่ยอยู่ที่ราว 10,000 ทรานแซกชันต่อเดือน โดยตั้งเป้าที่จะเติบโตขึ้นอีก 10-  20% ทั้งนี้สาเหตุที่การเติบโตของธุรกิจนี้ค่อนข้างช้า เนื่องจากดีมานด์กับซัพพลายยังไม่อยู่ในจุดที่สมดุลมีดีมานด์มากกว่าซัพพลายหลายเท่า โดยการพัฒนาโซลูชันบริหารจัดการลานจอดจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มซัพพลายบนแพลตฟอร์มให้มากขึ้นได้ โดยคาดว่าจะมีพาร์ทเนอร์ลานจอดรถเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้นอีก 15-20 ลานจอด ภายในสิ้นปีนี้ 

: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,619 หน้า 16 วันที่ 18-21  ตุลาคม 2563 

โดย : ภาพิมล ภูมิถาวร