อว.ยกระดับวิจัยนวัตกรรมการแพทย์ มุ่งสู่ Global Medical Hub

27 มิ.ย. 2563 | 11:55 น.

อว.ร่วมพลิกโฉมระบบ สร้างฐานอุตสาหกรรม ยกระดับวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ ตอบโจทย์โอกาสประเทศไทยหลังโควิด วางเป้าดันไทยสู่ “Global Medical Hub”

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า จากวิกฤตของโรคโควิด-19 นี้ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นว่าระบบการแพทย์และสาธารณสุขของเรา ถือเป็นจุดแข็งของประเทศ ซึ่งไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของภูมิภาคนี้ โดยกระทรวง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว. )ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อปรับระบบการแพทย์และสร้างฐานระบบนวัตกรรมทางการแพทย์ด้วยการวิจัยและนวัตกรรม (Healthcare Reinvention)

โดยมีการหารือร่วมกันของผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ที่เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพและการแพทย์ของไทย ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ตัวแทนจากหน่วยงานวิจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ สกสว. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รวมทั้งหน่วยงานจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อระดมสมอง พร้อมทั้งสรุปแนวทางในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมทางการแพทย์ของไทย ตามนโยบาย BCG Economy ของนายกรัฐมนตรี โดยมุ่งเน้นให้การวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ต่อยอดไปสู่การผลิตและการใช้ประโยชน์ได้จริง (Research, Development, Innovation, Manufacturing, Market) พร้อมทั้งการปลดล็อกกฎระเบียบ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น และการพัฒนาทุนมนุษย์

“Healthcare Reinvention” มีเป้าหมายให้ไทยเป็น “Global Medical Hub” โดยมีประเด็นมุ่งเน้น (Priority Areas) 8 ประเด็น ได้แก่ 1. การักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) การดูแลรักษาที่ได้ประสิทธิภาพและแม่นยำด้วยเทคโนโลยีด้วยจีโนม 2. การพัฒนายาและวัคซีน (Vaccines and New Medicines) รวมถึงการบริหาร Medical Supply Chain และการส่งเสริมผู้ผลิตที่มีคุณภาพ 3. อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ (Medical Devices) เน้นการผลิตเครื่องมือแพทย์ยุค New Normal 

4.ระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) พัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ติดต่อกันได้แบบ Real-time ลดการแออัดของโรงพยาบาล 5. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับงานวิจัยทางคลินิก (Clinical Research Infrastructure)ผลักดันให้เกิดการวิจัยทางคลีนิค ผลิตและคิดค้นยาและวัคซีนใหม่ๆ

6. สมุนไพรและการแพทย์พื้นบ้าน (Herbal and Traditional Medicine) พัฒนาและใช้สมุนไพรไทย บรรจุสมุนไพรไทยไว้ในหลักสูตรทางการแพทย์และให้ความสำคัญการวิจัยทางคลีนิค 7. โภชนเภสัช (Nutraceuticals) คิดค้นผลิตอาหารที่มีสรรพคุณอาหารด้านการป้องกัน รักษาโรคและชะลอวัย และ 8. การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) เชื่อมต่อการบริการทางการแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

จากการระดมสมอง ทุกภาคส่วนเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องจัดลำดับความสำคัญ และบูรณาการทำงานกับทุกภาคส่วน รวมทั้งภาคเอกชน โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จะจัดทำร่างกลไกและการขับเคลื่อน Healthcare Reinvention เพื่อหารือกับผู้ที่จะขับเคลื่อนประเด็นหลักแต่ละประเด็นเพื่อลงรายละเอียดทั้ง 8 ประเด็นต่อไป