นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจทุกธุรกิจจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2563 สนับสนุนรายได้ให้บริการโครงข่ายปีนี้เติบโตตามเป้าหมาย บริษัทฯ มีงานเพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนลูกค้าเป็นภาคเอกชน 70% และอีก 30% เป็นทางภาครัฐ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการต่อยอดทางธุรกิจ โดยใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ในบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยปัจจุบัน บริษัทฯ ได้พัฒนาโซลูชั่นให้บริการการศึกษาผ่านทางไกลเพื่อรองรับเทรนด์การเรียนการสอนออนไลน์ โดยจะอาศัยศูนย์บริการ USONET ของบริษัทฯ ที่อยู่ตามพื้นที่ห่างไกลและมีระบบอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ให้พร้อมรองรับนักเรียนที่จะมาใช้บริการ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง โดยคาดว่าโซลูชั่นดังกล่าว น่าจะชัดเจนในเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม ปี 2563 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการต่อยอดบริการจากสิ่งที่บริษัทฯ ได้มีอยู่ก่อนหน้าแล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุดและส่งเสริมการวางรากฐานสำหรับการเติบโตทางการศึกษาในอนาคต
สำหรับการหาลูกค้าใหม่ บริษัทฯตั้งเป้าเพิ่มสัญญาการให้บริการต่างๆ แก่ลูกค้าทั้งปีไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านบาท โดยในปัจจุบัน ได้เพิ่มเข้ามาแล้วประมาณ 330 ล้านบาท ผ่านโครงการที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นงานบริการระบบเครือข่ายเสมือนและระบบแจ้งเตือนข้อความสั้น (SMS) เพื่อรองรับระบบสารสนเทศสำหรับผู้ใช้น้ำ ของการประปาส่วนภูมิภาค, งานการให้บริการระบบโทรคมนาคมแบบไมโครเวฟ จากกรมการสื่อสารทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และงานจ้างเหมาตรวจซ่อม และบำรุงรักษาโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสง แบบเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมงจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นต้น
บริษัทฯ คาดว่าจะมีงานที่ได้รับความไว้วางใจเพิ่มเติมจากลูกค้า ในช่วงเดือนมิถุนายน เข้ามาอีกประมาณ 300-400 ล้านบาท และตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัญญาบริการใหม่ เข้ามาอีกไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาทในช่วงที่เหลือของปีนี้ อีกทั้ง บริษัทฯยังมีการทยอยรับรู้รายได้ในส่วนของงานให้บริการติดตั้งโครงข่ายใยแก้วนำแสงที่ได้รับสัญญามาจากลูกค้าแล้ว ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ในครึ่งปีแรก ไม่น้อยกว่า 300-400 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 460 .65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 453.45 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.59% และมีกำไรสุทธิ 40.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38.91 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.01%