หลังจากมีกระแสข่าวว่า เอดับบลิวเอ็น หรือ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ในเครือเอไอเอส ได้ทำหนังสือถึง กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) เพื่อขอรับช่วงคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ ของ บริษัท แจส โมบาย บอรดแบนด์ จำกัด โดย กสทช.ออกมายอมรับว่า เอดับบลิวเอ็นฯ ได้ส่งหนังสือแสดงความจำนงมายัง กสทช.เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 4 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา
ถัดจากนั้นเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2559 เวลา 23.05 น. นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ได้ส่งจดหมายภายในชี้แจงต่อพนักงาน เอไอเอส ภายใต้หัวข้อ "จดหมายจาก CEO แจ้งเสนอรับช่วงคลื่น 900 จริง"
โดยมีข้อความดังต่อไปนี้ เพื่อนพนักงานทุกท่านครับ เดือนเมษายน ปีนี้มีความพิเศษกว่าทุกปีเพราะเป็นช่วงที่เรากำลังอยู่ระหว่างภารกิจสำคัญยิ่งก็คือ ดูแลลูกค้าทุกท่านให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้า 2G และ 3G ที่ถือเครื่อง 2G เพื่อให้ทันตามระยะเวลาที่ศาลคุ้มครองให้ใช้งานได้ถึง วันที่ 14 เมษายน 2559 นี้ ซึ่งผมเชื่อว่าการที่พวกเรายอมเสียสละ ไม่หยุดงาน มุ่งมั่นทำหน้าที่อย่างดีที่สุดของพวกเรา จะทำให้เราสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ไปได้ด้วยกัน และผมขอเป็นตัวแทนบริษัทขอบคุณความทุ่มเทของพวกเราอย่างยิ่งครับ
และจากที่วันนี้มีข่าวเผยแพร่ตามที่สื่อบางฉบับว่า เอไอเอส สนใจการรับช่วงคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ภายหลัง แจส โมบาย ไม่เข้ามาชำระเงินนั้นผมขอแจ้งกับพวกเราว่า เราได้มีการทำจดหมายเข้าไปที่ กสทช.จริง เพราะ กสทช.เองก็ได้ประกาศแล้วว่า จะนำคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ในช่วงที่แจสไม่มาจ่ายเงินออกมาประมูลตามราคาที่ตั้งไว้ก็คือ 7.56 หมื่นล้านบาท ดังนั้นแทนที่จะรอการประมูลที่จะเกิดขึ้นในอีกตั้ง 3 เดือน แล้วลูกค้าเราต้องมาเสี่ยงกับเรื่องซิมดับ วันนี้เราจึงเสนอตัวเข้าไปเลยที่ กสทช.ด้วยราคานี้ ซึ่งถ้า กสทช.เสนอไปที่รัฐบาลและมีการอนุมัติให้คลื่นมา เราก็จะสามารถดูแลลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันนี้เลย โดยไม่ต้องรอ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีความสำคัญกับการเดินหน้าของบริษัท อีกทั้งจำนวนเงินก็สูงมากด้วย ดังนั้นนอกจากรอการตอบรับจากภาครัฐแล้ว เราก็ต้องมีการประชุมเพื่อขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นด้วยเช่นเดียวกันจึงจะสามารถปฏิบัติได้
หลายคนอาจถามว่า แล้วเหตุใดวันที่ประมูล 900 เมกะเฮิรตซ์ เราจึงออกจากการประมูล ด้วยเหตุผลว่า มูลค่าสูงเกินไปแต่วันนี้เรากลับเสนอตัวรับช่วงคลื่นด้วยจำนวนเงินเดียวกัน ผมขออธิบายสั้นๆ ว่า สถานการณ์การแข่งขันนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การโอนย้ายลูกค้ามาหาเราตามแผนงานเดิมทำได้ยากลำบากกว่าที่คิด ทำให้เราต้องมีการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ภายใต้เป้าหมาย คือ ดูแลลูกค้าของเราให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราพยายามทำทุกวิถีทางอย่างดีที่สุดเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น โดยรายละเอียดของเหตุผลต่าง ๆผมจะสื่อสารให้พวกเราทราบอีกครั้งหลังจากที่ภาครัฐมีความชัดเจนกับสิ่งที่เราเสนอไป ซึ่งข้อเสนอนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้รับการตอบรับ หรือ ไม่อย่างไร
ดังนั้นผมจึงอยากให้พวกเราไม่ต้องกังวลเดินหน้าดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผมขอให้ความมั่นใจว่า บริษัทจะทำทุกวิถีทางที่จะให้เราสามารถรักษาและดูแลลูกค้าได้อย่างดีที่สุด และ ต้องขอขอบคุณทุกคนอีกครั้ง สำหรับความทุ่มเทที่มีให้กับลูกค้าของเรา เพราะนี่คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นใน เอไอเอส ไม่คิดที่จะย้ายออกไปหาคู่แข่งอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
สมชัย เลิศสุทธิวงค์
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,147 วันที่ 10 - 13 เมษายน พ.ศ. 2559