กลุ่มทรู กำไรพุ่ง 5.6 พันล้าน

28 ก.พ. 2563 | 01:10 น.

เผย ทรูมูฟเอช มีผู้ใช้ใหม่เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านราย

   นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) เปิดเผยถึงผลประกอบการในปี 2562 ว่า ผลประกอบการและกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้นของกลุ่มทรูในปี 2562 มีกำไรสุทธิเป็น 5.6 พันล้านบาท โดยกำไรจากการดำเนินงานซึ่งไม่รวมกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) เติบโตเป็น 4.7 พันล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนประมาณ 1.0 พันล้านบาทในปีก่อน 

กลุ่มทรู กำไรพุ่ง 5.6 พันล้าน

 

    ผลประกอบการที่เติบโตสูงขึ้นนี้มาจากรายได้ของทรูมูฟ เอช ที่เพิ่มสูงเหนืออุตสาหกรรม ที่ร้อยละ 6.7 จากปีก่อน ด้วยฐานผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นสุทธิ 1.4 ล้านรายในปี 2562 พร้อมเดินหน้านำคลื่นความถี่ใหม่ที่ประมูลได้มาอย่างคุ้มค่าตามแผนที่วางไว้ทั้งคลื่นย่าน 2600MHz และ 26GHz มาเสริมความแข็งแกร่งของกลุ่มทรูในฐานะผู้นำเครือข่ายที่ดีที่สุด 

 

กลุ่มทรู กำไรพุ่ง 5.6 พันล้าน

    โดยปัจจุบัน ทรูเป็นโอเปอเรเตอร์ที่มีคลื่นครบมากสุดในอุตสาหกรรม และครอบคลุมถึง 7 ย่านความถี่ ผนวกกับการมีพันธมิตรชั้นนำทั้งในประเทศและระดับโลก รวมถึงระบบนิเวศด้านดิจิทัลของกลุ่มทรูที่ครอบคลุมและครบครัน จะสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนพร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยในยุคปัจจุบันได้โดดเด่นและเหนือกว่า ทั้งนี้ ทรูเดินหน้าสู่การจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผล 3.0 พันล้านบาท คิดเป็น 0.09 บาทต่อหุ้น โดยจะนำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายนนี้

 

  ขณะที่นายสฤษดิ์ จิณสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) กล่าวว่า ทรูเป็นโอเปอเรเตอร์รายเดียวที่มีคลื่นครบถึง 7 ย่านความถี่ โดยมีคลื่นย่านความถี่ต่ำที่หลากหลายและมีแบนด์วิธมากที่สุด ทั้ง คลื่น 700 MHz, 850 MHz และ 900 MHz รวมทั้งยังมีคลื่นย่านความถี่กลางทั้ง 1800MHz, 2100 MHz, 2600 MHz และคลื่นย่านความถี่สูง 26 GHz ซึ่งจะตอบโจทย์ความต้องการใช้งานดาต้าที่เพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ผสานกับความแข็งแกร่งของพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญอย่างไชน่า โมบายล์ โอเปอเรเตอร์รายใหญ่สุดในโลก ที่มีลูกค้าใช้บริการ 5G คลื่น 2600 MHz มากที่สุดในโลก 

กลุ่มทรู กำไรพุ่ง 5.6 พันล้าน

    ทรูมูฟ เอช เติบโตเหนืออุตสาหกรรมทั้งในด้านรายได้และฐานผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนในไตรมาส 4 และร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 7.77 หมื่นล้านบาทในปี 2562 นับเป็นการเติบโตที่สูงกว่าอุตสาหกรรมติดต่อกันเป็นปีที่เจ็ด 

กลุ่มทรู กำไรพุ่ง 5.6 พันล้าน

   ทรูออนไลน์ มีจำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์รายใหม่สุทธิสูงที่สุดในอุตสาหกรรมหรือเพิ่มขึ้นสุทธิกว่า 320,000 ราย ผลักดันให้ฐานลูกค้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 3.8 ล้านรายและรายได้บรอดแบนด์เติบโตเป็น 2.59 หมื่นล้านบาทในปี 2562 หนุนโดยรายได้ในไตรมาส 4 ที่เติบโตสูงขึ้นในอัตราร้อยละ 5.2 จากปีก่อน แม้ในอุตสาหกรรมมีการแข่งขันด้วยการให้ส่วนลดเพื่อดึงจูงใจลูกค้า ทั้งนี้ ทรูออนไลน์จะเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับความเป็นผู้นำทั้งด้านความเร็วและเทคโนโลยีนวัตกรรม รวมถึงการนำเสนอแพ็กเกจที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม อันจะเป็นปัจจัยที่สร้างการเติบโตด้วยการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้นและเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ร่วมกับบริการอื่นภายใต้กลุ่มทรู

กลุ่มทรู กำไรพุ่ง 5.6 พันล้าน

    ทรูวิชั่นส์  มีฐานลูกค้ารวมประมาณ 4 ล้านรายและมีรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท

 

   ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป โดยแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง TrueID ได้รับการตอบรับอย่างสูงและมีฐานผู้ใช้บริการต่อเดือนที่เติบโตกว่าสองเท่าจากปีก่อนเป็น 24.6 ล้านรายจำนวนการสมัครดูคอนเทนต์ทรูไอดีเติบโตแข็งแกร่งกว่าร้อยละ 56 จากไตรมาสก่อน 

   นอกจากนี้ กล่องทรูไอดี ทีวี มียอดขายกว่า 5 แสนกล่อง ณ สิ้นปี หลังจากเริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2 ปี 2562 ขณะที่ระบบสิทธิประโยชน์และสะสมแต้มทรูพอยท์สำหรับลูกค้าทรู ภายใต้ทรูยู ช่วยเพิ่มความผูกพันระหว่างแบรนด์กับลูกค้าและสร้างฐานลูกค้าที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการใช้จ่ายให้แก่ลูกค้า ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ยังได้เปิดตัวบัตร ทรู ดิจิทัล การ์ด (True Digital Card) บัตรมาสเตอร์การ์ดแบบเติมเงิน เพิ่มความสะดวก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคดิจิทัล พร้อมรับทรูพอยท์เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมาย โดย ณ สิ้นปี 2562 ได้มีลูกค้าเปิดใช้งาน ทรู ดิจิทัล การ์ด แล้วกว่า 250,000 ใบ 

กลุ่มทรู กำไรพุ่ง 5.6 พันล้าน

   ส่วนกลุ่มธุรกิจดิจิทัลโซลูชั่น มุ่งมั่นพัฒนาและนำเสนอโซลูชั่นที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแต่ละอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถเพิ่มจำนวนอุปกรณ์เซ็นเซอร์ IoT ที่เชื่อมต่อและใช้บริการได้กว่า 237,000 อุปกรณ์ คิดเป็นการเติบโตกว่าร้อยละ 50 จากปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจดิจิทัลโซลูชั่นได้พัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความท้าทายแบบครบวงจรในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมภาคการเกษตร (Agriculture) อุตสาหกรรมภาคการค้าปลีก (Retails) อุตสาหกรรมภาคการผลิต (Manufacturing) อุตสาหกรรมด้านห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) อุตสาหกรรมคมนาคมขนส่ง (Logistics) และอุตสาหกรรมภาคสุขภาพและสาธารณสุข (Healthcare)