แห่ร่วมงานมหกรรมบล็อกเชนฯ 3 พันคน

30 พ.ย. 2562 | 10:04 น.

เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ! สำหรับ Blockchain Thailand Genesis 2019 มหกรรมงานบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในไทย ด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมงานเกือบ3,000 คน โดย

แห่ร่วมงานมหกรรมบล็อกเชนฯ 3 พันคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (30 พ.ย. 62)สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ได้จัดงานมหกรรมงานบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในไทย Blockchain Thailand Genesis 2019  เพื่อผสานความร่วมมือจากหลายภาคส่วนมาร่วมระดมกำลัง เพื่อขับเคลื่อนวงการเทคโนโลยีไทย ให้เตรียมพร้อมสำหรับการมาถึงของเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกรรมของคนทั้งโลก พลิกโฉมธุรกิจ การเงิน และการลงทุน. โดยมีผู้ให้ความสนใจร่วมงานเกือบ 3,000 คน

แห่ร่วมงานมหกรรมบล็อกเชนฯ 3 พันคน

ในเวทีหลักหรือ Genesis Stage ปีนี้ ได้รับเกียรติจากนายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ Blockchain & The Future of Thailand's Digital Economy โดยกล่าวว่า “ปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล โดยจากผลการศึกษาของ World Economic Forum พบว่า ในปี2022 ร้อยละ 60 ของ GDP โลก จะมาจากภาคส่วนด้านดิจิทัล   จึงเป็นที่รู้กันว่าเทคโนโลยีดิจิทัล มีอิทธิพลทั้งต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของทุกประเทศ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ที่ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลได้เริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปอย่างแนบเนียน มีอิทธิพลต่อทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึง ส่งผลให้เกิดโมเดลเศรษฐกิจและสังคมรูปแบบใหม่

 

ถ้าวันหนึ่งเราสามารถเชื่อมโยงหรือแลกเปลี่ยน ข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นใดระหว่างกันแบบตัวต่อตัว หรือที่เรียกกันว่า Peer to Peer ในระบบออนไลน์ โดยไม่มีตัวกลางในการแลกเปลี่ยน แต่ยังคงไว้ซึ่งความถูกต้อง โปร่งใส และเชื่อถือได้ เราจะมีข้อมูลประวัติการรักษาของตนเองจัดเก็บอยู่ในทุกโรงพยาบาล โดยแพทย์สามารถเข้าถึงประวัติและสามารถทำการรักษาได้ทันที หากได้รับอนุญาตในการเข้าถึงข้อมูล หรือเราจะสามารถจัดเก็บข้อมูลจำนวนมาก ไปพร้อมกับการติดตามการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดกระบวนการ โดยอาจจะนำไปใช้ในหลายกิจกรรม เช่น ภาคการเกษตรในการตรวจสอบข้อมูลผลผลิตย้อนกลับ ด้านการค้าระหว่างประเทศในการจัดททำเอกสารสัญญาระหว่างกัน การบริหารจัดการ Big Data ที่ช่วยจัดเก็บข้อมูลที่ต้องการความโปร่งใสติดตามได้ และทราบแหล่งที่มา  ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าคุณสมบัติสำคัญของตัวอย่างที่ผมยกขึ้นมา คือ ไม่มีตัวกลาง เกิดการกระจายอำนาจ มีความโปร่งใส ติดตามได้ตลอดกระบวนการ และจะต้องมีการยินยอมระหว่างกันจึงจะสามารถดำเนินกิจกรรมได้เทคโนโลยีที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ คือ เทคโนโลยีที่เรียกว่า Blockchain และกรณีตัวอย่างที่ผมยกขึ้นมาล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจริงแล้วทั้งสิ้น

 

นอกจากนี้ผลการศึกษายังเป็นเครื่องยืนยันการสร้างสรรค์นวัตกรรมและพลิกโฉมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องด้วย Blockchain ในต่างประเทศ ได้แก่ การจดสิทธิบัตรการให้บริการ ด้วย Blockchain มากกว่า 12,000 รายการ ในประเทศสหรัฐอเมริกา จีนญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเยอรมัน โดยบริษัทที่จดสิทธิบัตรมากที่สุด 512 รายการ คือ Alibaba Group Holding รองลงมา คือ Nchain จากสหราชอาณาจักร จำนวน 468 รายการ และ IBM 248 รายการ   สำหรับในประเทศไทยภาคส่วนที่ใช้ Blockchain มากที่สุด คือ ภาคส่วนด้านการเงินและ การธนาคาร หรือที่ส่วนที่เรารู้จักกันในนามของFinTech เช่น การให้บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บน Blockchain โดยบริษัทบีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นรวมตัวกันของ 22 ธนาคาร และ 9 กลุ่มธุรกิจใหญ่เป็นการทำธุรกรรมกับหลายฝ่ายโดยไม่ต้องการตัวกลาง

ทั้งนี้ นอกจากที่จะมีการซื้อขายหน่วยสกุลเงินดิจิทัล หรือที่ได้ยินกันคุ้นหูว่าCryptocurrency แล้ว ก็ยังมี การใช้ Blockchain ไปกับกิจกรรม อื่น ๆ เช่น การซื้อขายไฟฟ้าในโครงการบ้านจัดสรร อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน การใช้เทคโนโลยี Blockchain ของไทยยังติดปัญหาบางประการ เช่น การแทนที่ระบบเดิมที่ใช้อยู่ ปัญหาด้านข้อบังคับและปัญหาความปลอดภัย”

 

ภายในงานยังมีบุคคลสำคัญอีกมากมาย ที่จะมาร่วมพูดในหัวข้อต่างๆ อาทิดร.รัฐศาสตร์ กรสูต รองผู้อำนวยการสำนักงาน กลุ่มสังคมและกำลังคนดิจิทัลสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Depa) พูดในหัวข้อ แนวทางการส่งเสริม และพัฒนาบุคลากรด้านบล็อกเชน ดร.นภนวลพรรณ ภวสันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยีทางการเงิน สำนักงาน ก.ล.ต. พูดในหัวข้อ สินทรัพย์ดิจิทัล และการกำกับดูแลในประเทศไทย นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ พูดในหัวข้อ GovTech และ Blockchain: อนาคตแห่งโลกนวัตกรรมดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีหัวข้อที่ขาดไม่ได้ตั้งแต่เส้นทางของ Bitcoin และ Blockchain ตลอดจนมุมมองของตลาดหลักทรัพย์ 2.0 โดยกูรูประจำวงการอย่างคุณอัครเดช เดี่ยวพานิช (Coinman) ประธานกรรมการ Cryptomind และคุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Bitkub Group และคุณวิชิต ซ้ายเกล้า Founder, ChitBeer มาในหัวข้อที่น่าจะเรียกเสียงฮือฮาได้ อย่าง Craft Beer, Bitcoin & Democratization: คราฟต์เบียร์ บิตคอยน์ และประชาธิปไตย

 

นอกจากนี้ Genesis Stage ยังมีวงเสวนาสุดเข้มข้น ในหัวข้อ เมื่อมหาอำนาจของโลกสร้างเงินดิจิทัล โดย ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ทิพยสุดา ถาวรามร และตฤบดี อรุณานนท์ชัยนอกจากนี้ยังมีวงเสวนาหัวข้อ ธนาคารและการปฏิวัติครั้งใหญ่ในยุคดิจิทัล โดยบุคลากรคนสำคัญจากโลกการธนาคาร ไม่ว่าจะเป็น ญาณวิทย์ รักษ์ศรี Principal Visionary Architect, KBTG อิทธิพันธ์ เจียกเจิม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่ายGlobal Transaction Banking Services, SCB และพัชรินทร์ บุญล่ำสัน Commercial Digital Solutions, Krungsri

ด้าน Advance Stage หรือเวทีสำหรับผู้มีความสนใจที่เฉพาะทางมากขึ้น ก็ไม่น้อยหน้าเริ่มต้นกันที่ วัชระ เอมวัฒน์ Co-Founder, SIX Network ที่มาในหัวข้อ The New era for copyright ทั้งยังมีการพูดคุยในหัวข้อที่มีประโยชน์มาก ทั้งต่อผู้ที่สนใจและบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ อาทิ หัวข้อ การระดมทุนแห่งอนาคตด้วย ICO/STO หัวข้อBlockchain for Business Transformation หัวข้อ DeFi หัวข้อ กฏหมายที่คุณควรรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย หัวข้อ The importance of Wallet Security หัวข้อ Blockchain on Data Industry หัวข้อ Blockchain for enterprise หัวข้อ ลงทุนอย่างไรไม่ให้ถูกหลอก หัวข้อ Smart contract on Bitcoin

 

 

และท้ายสุดกับงานในส่วน Workshop ที่มีหัวข้อน่าสนใจให้เข้าร่วมมากมาย อาทิ เวิร์กชอป Bitcoin & blockchain 101 (บิทคอยน์ และบล็อกเชน คืออะไร) เวิร์กชอปCrypto Wallet 101 (ความสำคัญของ Crypto Wallet ทำไมทุกคนควรต้องมี) เวิร์กชอป Trading 101 : Cryptocurrency Trading เทคนิคพื้นฐานการเทรดคริปโต หรือหัวข้อสุดฮอตที่ใครๆ ก็พลาดไม่ได้ อย่าง Libra Workshop 101 ที่อัดแน่นไปด้วยความรู้เกี่ยวกับสกุลเงิน Libra ที่กำลังสั่นสะเทือนไปทั่วโลก