ไอบีเอ็มเปิดคลาวด์สาธารณะบริการการเงิน

18 พ.ย. 2562 | 10:53 น.

ไอบีเอ็มประกาศเปิดตัวระบบคลาวด์สาธารณะสำหรับบริการด้านการเงิน (Financial services-ready public cloud) ระบบแรกของโลก พร้อมเปิดให้สถาบันการเงินและซัพพลายเออร์ต่างๆ เข้าร่วม โดยธนาคารแห่งอเมริกาได้ตกลงร่วมใช้แพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นบนระบบคลาวด์สาธารณะของไอบีเอ็มนี้ และจะโฮสต์แอพพลิเคชันรวมถึงเวิร์คโหลดหลักๆ เพื่อรองรับความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า 66 ล้านรายของธนาคาร

ผู้สื่่อข่าวรายงานว่าไอบีเอ็มได้ร่วมมือกับธนาคารแห่งอเมริกาเพื่อช่วยพัฒนาข้อกำหนดในการควบคุมแพลตฟอร์ม ระบบคลาวด์สาธารณะสำหรับบริการด้านการเงินนี้จะช่วยให้ Independent Software Vendor หรือ ISV และผู้ให้บริการ Software-as-a-Service หรือ SaaS ตั้งแต่ระดับฟินเทคที่เล็กที่สุดไปจนถึงผู้ให้บริการที่ให้บริการมานานแล้วให้มุ่งเน้นไปที่บริการหลักสำหรับสถาบันการเงิน ผ่านแพลตฟอร์มที่มีระบบควบคุมต่างๆ มาให้พร้อม

 

ระบบคลาวด์สาธารณะสำหรับบริการด้านการเงิน ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสถาบันทางการเงิน ทั้งในแง่การปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ ซิเคียวริตี้ รวมถึงความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งจะช่วยให้สถาบันการเงินทำธุรกิจกับผู้ให้บริการเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของแพลตฟอร์ม โดยแพลตฟอร์มนี้เป็นระบบคลาวด์สาธารณะเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมที่สามารถให้การควบคุมเชิงป้องกันและชดเชยสำหรับเวิร์คโหลดด้านกฎข้อบังคับของบริการทางการเงิน การสนับสนุนสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย และระบบซิเคียวริตี้ทั้งเชิงรุกและแบบอัตโนมัติ โดยใช้ประโยชน์จากการรับรองการเข้ารหัสระดับสูงสุดของอุตสาหกรรม

 

“นี่เป็นหนึ่งในความร่วมมือเกี่ยวกับระบบคลาวด์สำหรับอุตสาหกรรมการให้บริการทางการเงินที่สำคัญที่สุด” นางเคธี เบสเสนท์ ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการและเทคโนโลยี ธนาคารแห่งอเมริกา กล่าว “แพลตฟอร์มเชิงอุตสาหกรรมที่มีขึ้นเป็นครั้งแรกนี้ จะช่วยให้ธนาคารแห่งอเมริกาสามารถใช้ระบบคลาวด์สาธารณะ รวมถึงมีระบบการรักษาความปลอดภัยข้อมูล ความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและการโจมตีทางไซเบอร์ การรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า เป็นด่านหน้าในเวลาที่ต้องดำเนินการตัดสินใจต่างๆ โดยการกำหนดมาตรฐานในการจัดการกับข้อกังวลของการโฮสต์ข้อมูลความลับขั้นสูง จะช่วยให้เราสามารถผลักดันระบบคลาวด์สาธารณะสู่ระดับความปลอดภัยที่ไม่มีใครเทียบได้”

 

การร่วมมือกับไอบีเอ็มถือเป็นก้าวต่อไปของเส้นทางการใช้คลาวด์ที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลาเจ็ดปีของธนาคารแห่งอเมริกา และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในด้านซิเคียวริตี้และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของลูกค้าธนาคาร ในขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสในการรับมือกับกฎข้อบังคับและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของอุตสาหกรรมการให้บริการทางการเงิน

 

คาดว่าระบบคลาวด์สาธารณะสำหรับบริการด้านการเงินจะรันบนระบบคลาวด์สาธารณะของไอบีเอ็ม ที่ใช้ Red Hat OpenShift เป็นสภาพแวดล้อมคูเบอร์นิทิสหลักในการจัดการกับซอฟต์แวร์แบบคอนเทนเนอร์ทั่วทั้งองค์กร รวมถึงบริการ PaaS ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลในรูปแบบคลาวด์ (cloud-native) ที่ครอบคลุม API มากกว่า 190 บริการ เพื่อสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแอพแบบคลาวด์เนทิฟ

 

โครงการนี้เป็นการผนวกเอาประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีเข้ากับประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการให้บริการทางการเงิน จากการให้บริการองค์กร 47 ใน 50 แห่งใน Fortune 50 รวมถึงสถาบันทางการเงินที่ใหญ่ที่สุด 10 แห่งทั่วโลก นอกจากนี้ ไอบีเอ็มและธนาคารแห่งอเมริกากำลังทำงานร่วมกับโพรมอนทอรี (Promontory) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจหนึ่งของไอบีเอ็ม และผู้นำระดับโลกในการให้คำปรึกษาด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการให้บริการทางการเงินแห่งหนึ่ง เพื่อช่วยรณรงค์ให้เกิดสิ่งแวดล้อมของการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับต่างๆ

ไอบีเอ็มเปิดคลาวด์สาธารณะบริการการเงิน

“ระบบคลาวด์สาธารณะสำหรับบริการด้านการเงินแสดงให้เห็นถึงการมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องของธนาคารแห่งอเมริกา ไอบีเอ็ม และโพรมอนทอรี ในการช่วยพัฒนาระบบนิเวศน์ด้านเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับกฏข้อบังคับต่างๆ” นางบริดเจ็ท ฟาน แครลินเกน รองประธานอาวุโส กลุ่มอุตสาหกรรม ลูกค้า แพลตฟอร์ม และบล็อกเชน ทั่วโลกของไอบีเอ็ม กล่าว

 

“เรารู้ว่าเราต้องช่วยกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่กลุ่มสถาบันบริการทางการเงินสามารถตอบโจทย์ความต้องการและความคาดหวังด้านกฎข้อบังคับต่างๆ ได้” จีน ลุดวิค ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของโพรมอนทอรี กล่าว “ความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งอเมริกา ไอบีเอ็ม และ Promontory จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพของแพลตฟอร์มคลาวด์นี้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมและผู้ให้บริการต่างๆ”

 

“ระบบคลาวด์สาธารณะสำหรับบริการด้านการเงินจะช่วยให้สถาบันทางการเงินสามารถทำการประเมินผู้ให้บริการในด้านซิเคียวริตี้  ความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและการโจมตีทางไซเบอร์ และการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของผู้ให้บริการเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์บริการทางการเงินที่เข้าร่วมจะได้รับประโยชน์จากการตรวจสอบความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม โดยจะมีเฉพาะผู้ให้บริการ ISV หรือ SaaS ที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาปฏิบัติตามนโยบายของแพลตฟอร์มเท่านั้น ที่จะสามารถนำเสนอบริการผ่านแพลตฟอร์มนี้ได้