ECO-Wellness นวัตกรรมสีรักษ์โลก

18 ม.ค. 2559 | 10:30 น.
แนวคิด Eco-Wellness Innovation ของกลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ฯ คือแนวคิดที่นำมาเป็นแนวทางทั้งการทำเรื่องซีเอสอาร์และการพัฒนาพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ของทั้งผู้ใช้ และผู้ซื้อ

เบเยอร์ได้พัฒนานวัตกรรมสีเพื่อความยั่งยืนมาตลอด จนได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมมากมาย อาทิ ปี 2552 เบเยอร์ได้รับรองผลิตภัณฑ์ฉลากสีเขียว ได้รับฉลากสิ่งแวดล้อม และในปี 2554 ได้รับฉลากลดคาร์บอน รับรองการผลิตที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นมิตรและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และล่าสุดยังได้รับรองมาตรฐาน ISO-14001 (มาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม) และได้รับรองเรื่องฉลากลดโลกร้อน คาร์บอนฟุตพรินต์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (TGO) เป็นต้น

[caption id="attachment_26560" align="aligncenter" width="500"] วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ[/caption]

"วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ" รองประธานบริหารกลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ฯ บอกว่า เบเยอร์เป็นบริษัทสีบริษัทแรกที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง คาร์บอนฟุตพรินต์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยพัฒนาทั้งโรงงาน ด้วยการลงทุนเพิ่ม ด้วยเครื่องจักรใหม่ที่มีมูลค่าสูงกว่าเครื่องจักรปกติถึง 2-3 เท่า และยังพัฒนาระบบการผลิตด้วยระบบจากประเทศเยอรมนี เพื่อให้โรงงานมีของเสียออกมาน้อยที่สุด หรือเป็น 0% ซึ่งคาดว่าจะทำได้ภายในปี 2560

ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ผลิต บริษัทคำนึกถึงความปลอดภัยของทั้งผู้อยู่อาศัยภายในอาคาร และผู้ใช้ ซึ่งเป็นผู้ทาสี ทำให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สีให้ถูกสุขลักษณะไม่ทำลายสุขภาพ

[caption id="attachment_26559" align="aligncenter" width="500"] ECO-Wellness ECO-Wellness[/caption]

"เดิมผู้ที่ซื้อสีไปใช้ จะเน้นความปลอดภัยของตัวเองและคนในบ้านหรือในอาคาร ต้องการสีฟอกอากาศ สีที่ทำให้บ้านเย็นขึ้น แต่เบเยอร์คำนึงถึงผู้ทาสี เช่น สีงานไม้ทั่วไป จากเดิมที่ใช้เป็นสูตรน้ำมัน มีทินเนอร์ ปัจจุบันพัฒนามาเป็นสีน้ำผสม"

ขณะนี้เบเยอร์พยายามพัฒนาทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ให้เป็นผลิตภัณฑ์รักษ์โลก ที่ทำไปแล้วคือกลุ่มสีเบเยอร์คูล เบเยอร์ชิลล์ และ สีย้อมไม้ โดยข้อมูลปี 2555 เปรียบเทียบการใช้สีเบเยอร์คูลทาสีบ้าน 1 หลัง สามารถลดการใช้ไฟฟ้า 50 กิโลวัตต์ต่อ 30 วัน เป็นต้น ซึ่งในการพัฒนานวัตกรรมสี เบเยอร์จะยังคงพัฒนาต่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,122 วันที่ 14 - 16 มกราคม พ.ศ. 2559