‘อินทัช-ไลน์’ลงทุนสตาร์ตอัพ ต่อยอดธุรกิจเฟ้นหานักรบสายพันธุ์ใหม่
กระแสสตาร์ตอัพฟีเวอร์ โครงการอินเว้นท์ของ “อินทัช” โดดร่วมทุน ดิจิโอ ผู้พัฒนาระบบชำระเงินและกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ด้าน “ไลน์” เข้าไปซื้อกิจการใน DGM59 เสริมเขี้ยวพัฒนาแอพพลิเคชันและบริการใหม่
นายคิมห์ สิริทวีชัย รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารการลงทุนและหัวหน้าโครงการบริษัทร่วมทุน อินเว้นท์บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการอินเว้นท์ ได้ร่วมลงทุนกับ บริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการระบบชำระเงิน และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-wallet) โดย ดิจิโอจะนำเงินลงทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจ และร่วมมือกับอินทัชในการผลักดันการใช้ระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ในภาคธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย National e-Payment ของรัฐบาล รวมถึงการขยายธุรกิจของบริษัทไปสู่ประเทศในกลุ่มอาเซียนต่อไป
“อินทัช เน้นการลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม สื่อ และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนไปของเทคโนโลยีเราจึงสนใจที่จะลงทุนในฟินเทคเนื่องจากในปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปการใช้จ่ายเงินเริ่มเปลี่ยนจากการใช้เงินสดมาเป็นการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ และในอนาคตอันใกล้น่าจะถึงยุคของการใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเรามีการเตรียมการล่วงหน้าไว้อยู่แล้วโดยมีเอ็มเปย์ (mPAY) เป็นหัวเรือหลัก การที่ได้ร่วมลงทุนในดิจิโอ เท่ากับเป็นการต่อยอดธุรกิจอีกทางหนึ่ง”
[caption id="attachment_172407" align="aligncenter" width="285"]
‘อินทัช-ไลน์’ลงทุนสตาร์ตอัพ ต่อยอดธุรกิจเฟ้นหานักรบสายพันธุ์ใหม่[/caption]
สำหรับบริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ดิจิโอ ประกอบธุรกิจการพัฒนาและให้บริการระบบชำระเงินแบบเบ็ดเสร็จ แก่สถาบันการเงินหรือธุรกิจที่ต้องการมีระบบชำระเงินเป็นของตนเอง รวมถึงให้บริการระบบการรับชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile point of sale : mPOS) แก่สถาบันการเงิน เพื่อนำไปให้บริการต่อแก่ลูกค้าของสถาบันการเงินที่ต้องการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต โดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องรับบัตร EDC ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า โดยดิจิโอร่วมกับสถาบันการเงินต่างๆ ได้ให้บริการเครื่อง mPOS ไปแล้วกว่าแสนเครื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการตอบรับนโยบาย National e-Payment ของรัฐบาล ที่ต้องการกระตุ้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
สำหรับโครงการอินเว้นท์เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทที่ 11 ต่อจาก Social Nation ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการกระจายโฆษณาแบบเสมือนจริง (Virtual Reality Ad Distribution Platform) และ Wongnai สตาร์ทอัพรีวิวร้านอาหาร ซึ่งอินเว้นท์ได้ลงทุนไปในปี 2559 ที่ผ่านมา
ด้านนายนพพร ด่านชัยนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯจะนำเงินลงทุนที่ได้จากอินทัช ไปใช้ในการขยายทีมงานเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าในประเทศ และจะมุ่งเน้นบริการด้านความปลอดภัย (security solution) ในระบบชำระเงินให้มากขึ้น พร้อมกันนั้น จะศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายบริการสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งทางอินทัชจะเข้ามาให้ความช่วยเหลือตรงส่วนนี้ด้วย
“ผมมองเห็นความสำคัญของระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว จึงได้ก่อตั้ง ดิจิโอ ขึ้นมาเพื่อมาตอบโจทย์เรื่องนี้ โดยเริ่มจากการนำเทคโนโลยี mPOS เข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อแก้ปัญหาร้านค้าขนาดเล็กอยากรับบัตรเครดิต แต่ติดที่ค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์รับบัตรยังสูงมาก ทำให้ร้านค้าเล็กๆไม่สามารถรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ ตัว mPOS จะเข้ามาแก้ปัญหาในส่วนนั้น ปัจจุบัน ดิจิโอสามารถรองรับการจ่ายเงินด้วย e-wallet ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Alipay หรือ WeChat Pay ซึ่งมีความนิยมสูงขึ้นมากเนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนใช้บริการเพิ่มขึ้น”
ก่อนหน้านี้ ไลน์ ประเทศไทย ได้แจ้งว่าได้เข้าไปซื้อกิจการของ DGM59 พร้อมกับแต่งตั้งทีมนักพัฒนาเพื่อสร้างสรรค์เทคโนโลยีและแอพพลิเคชั่น และ พัฒนาบริการใหม่ให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยให้ได้มากยิ่งขึ้นตามกลยุทธ์และนโยบายหลักของ ไลน์ที่เปิดกว้างในเรื่องของแนวคิด การพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ให้เหมาะกับผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,275 วันที่ 2 - 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
นายคิมห์ สิริทวีชัย รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารการลงทุนและหัวหน้าโครงการบริษัทร่วมทุน อินเว้นท์บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการอินเว้นท์ ได้ร่วมลงทุนกับ บริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการระบบชำระเงิน และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-wallet) โดย ดิจิโอจะนำเงินลงทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจ และร่วมมือกับอินทัชในการผลักดันการใช้ระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ในภาคธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย National e-Payment ของรัฐบาล รวมถึงการขยายธุรกิจของบริษัทไปสู่ประเทศในกลุ่มอาเซียนต่อไป
“อินทัช เน้นการลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม สื่อ และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนไปของเทคโนโลยีเราจึงสนใจที่จะลงทุนในฟินเทคเนื่องจากในปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปการใช้จ่ายเงินเริ่มเปลี่ยนจากการใช้เงินสดมาเป็นการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ และในอนาคตอันใกล้น่าจะถึงยุคของการใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเรามีการเตรียมการล่วงหน้าไว้อยู่แล้วโดยมีเอ็มเปย์ (mPAY) เป็นหัวเรือหลัก การที่ได้ร่วมลงทุนในดิจิโอ เท่ากับเป็นการต่อยอดธุรกิจอีกทางหนึ่ง”
[caption id="attachment_172407" align="aligncenter" width="285"]
สำหรับบริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ดิจิโอ ประกอบธุรกิจการพัฒนาและให้บริการระบบชำระเงินแบบเบ็ดเสร็จ แก่สถาบันการเงินหรือธุรกิจที่ต้องการมีระบบชำระเงินเป็นของตนเอง รวมถึงให้บริการระบบการรับชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile point of sale : mPOS) แก่สถาบันการเงิน เพื่อนำไปให้บริการต่อแก่ลูกค้าของสถาบันการเงินที่ต้องการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต โดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องรับบัตร EDC ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า โดยดิจิโอร่วมกับสถาบันการเงินต่างๆ ได้ให้บริการเครื่อง mPOS ไปแล้วกว่าแสนเครื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการตอบรับนโยบาย National e-Payment ของรัฐบาล ที่ต้องการกระตุ้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
สำหรับโครงการอินเว้นท์เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทที่ 11 ต่อจาก Social Nation ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการกระจายโฆษณาแบบเสมือนจริง (Virtual Reality Ad Distribution Platform) และ Wongnai สตาร์ทอัพรีวิวร้านอาหาร ซึ่งอินเว้นท์ได้ลงทุนไปในปี 2559 ที่ผ่านมา
ด้านนายนพพร ด่านชัยนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯจะนำเงินลงทุนที่ได้จากอินทัช ไปใช้ในการขยายทีมงานเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าในประเทศ และจะมุ่งเน้นบริการด้านความปลอดภัย (security solution) ในระบบชำระเงินให้มากขึ้น พร้อมกันนั้น จะศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายบริการสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งทางอินทัชจะเข้ามาให้ความช่วยเหลือตรงส่วนนี้ด้วย
“ผมมองเห็นความสำคัญของระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว จึงได้ก่อตั้ง ดิจิโอ ขึ้นมาเพื่อมาตอบโจทย์เรื่องนี้ โดยเริ่มจากการนำเทคโนโลยี mPOS เข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อแก้ปัญหาร้านค้าขนาดเล็กอยากรับบัตรเครดิต แต่ติดที่ค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์รับบัตรยังสูงมาก ทำให้ร้านค้าเล็กๆไม่สามารถรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ ตัว mPOS จะเข้ามาแก้ปัญหาในส่วนนั้น ปัจจุบัน ดิจิโอสามารถรองรับการจ่ายเงินด้วย e-wallet ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Alipay หรือ WeChat Pay ซึ่งมีความนิยมสูงขึ้นมากเนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนใช้บริการเพิ่มขึ้น”
ก่อนหน้านี้ ไลน์ ประเทศไทย ได้แจ้งว่าได้เข้าไปซื้อกิจการของ DGM59 พร้อมกับแต่งตั้งทีมนักพัฒนาเพื่อสร้างสรรค์เทคโนโลยีและแอพพลิเคชั่น และ พัฒนาบริการใหม่ให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยให้ได้มากยิ่งขึ้นตามกลยุทธ์และนโยบายหลักของ ไลน์ที่เปิดกว้างในเรื่องของแนวคิด การพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ให้เหมาะกับผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,275 วันที่ 2 - 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560