ไอเทลคว้า2โครงการ‘โรงเรียนประชารัฐ-กฟภ.’

30 ต.ค. 2559 | 04:00 น.
“อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม”ตุนงานไว้มืออีก 2 โครงการงานออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์พร้อมทั้งจัดหาวัสดุอุปกรณ์และงานบริหารคลังสินค้า ในโครงการโรงเรียนประชารัฐจำนวน 1,281 โรงเรียน ส่วนอีกงานมูลค่า 526.7 ล้านบาทของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คาดรายได้โตตามภาวะอุตฯโทรคมนาคม

นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ไอเทล ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อเร็วๆนี้ว่า บริษัทได้เข้าลงนามในสัญญาว่าจ้างโครงการโรงเรียนประชารัฐ กับบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ว่าจ้าง โดยสัญญามีมูลค่า 75.8 ล้าน บาทไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 5 เดือน นับจากวันลงนามในสัญญาโดยบริษัทฯ ได้รับมอบหมายให้เข้าดำเนินการทั้งสิ้นจำนวน 1,281 โรงเรียน

[caption id="attachment_109153" align="aligncenter" width="700"] จำนวนโรงเรียนแยกตามขนาดโรงเรียน จำนวนโรงเรียนแยกตามขนาดโรงเรียน[/caption]

อย่างไรก็ตาม หลังจากบริษัทฯได้นำหุ้น ไอเทล ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ไปแล้วนั้น บริษัทฯ คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับภาวะอุตสาหกรรม โทรคมนาคมที่มีการเติบโตสูง ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัท 54% มาจากการให้บริการเช่าโครงข่าย สำหรับธุรกิจบริการติดตั้งโครงข่ายสัดส่วน 39% ในขณะที่ธุรกิจศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์มีสัดส่วนรายได้ 7% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 13.11%ในปี 2556 เป็น 27.73 %ในไตรมาสแรกของปี 2559 โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ไอเทล จะนำไปขยายกิจการและขยายโครงข่ายใยแก้วนำแสง จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อสร้างศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ ขนาด 600 Racks (ตู้) ซึ่งจะลงทุนภายในไตรมาส 3 ปี 2559 และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการภายในปี 2560 และนำไปชำระคืนเงินกู้ นอกจากนี้ ไอเทลมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้

“บริษัทมีรายได้จาก 3 ส่วนธุรกิจ ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ ที่สำคัญธุรกิจเรามีจุดเด่นคือมีรายได้ประจำจากการให้บริการโครงข่าย มีลูกค้าบริษัทในหลายกลุ่มธุรกิจทั้ง สถาบัน การ เงิน ค้าปลีก ผู้ให้บริการโครงข่ายมือถือ ฯลฯ และรายได้จากการให้บริการพื้นที่ดาต้าเซนเตอร์ รวมทั้ง มีรายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่าย เชื่อมั่นว่า ไอเทลจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนในทุกกลุ่มเข้ามาลงทุนในหุ้น ไอเทลเพราะธุรกิจโทรคมนาคมมีความต้องการสูงและเราเลือกลงทุนใน เทคโนโลยีใหม่ สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ”

นอกจากนี้แล้ว ไอเทล ได้ชนะประกวดราคางานในโครงการจ้างเหมา ออกแบบ จัดหาพร้อมติดตั้งเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงเพื่อเสริมความมั่นคง (Protection) ระบบสื่อสัญญาณความเร็วสูงของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มูลค่าทั้งสิ้น 526.7 ล้านบาท

ปัจจุบัน ไอเทล มีทุนจดทะเบียนจำนวน 500 ล้านบาท และมีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้วเป็น 500 ล้านบาท โดยมีบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ไอลิ้งค์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถือหุ้นสัดส่วน 99.99%

อนึ่งก่อนหน้านี้ บริษัท หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุน ไอเทลกล่าวว่าจุดเด่นของบริษัทฯคือการมีรายได้ประจำและอยู่ในกลุ่ม โทร คมนาคมที่มีการเติบโตสูง ทั้งนี้บริษัทเลือกใช้เสาโทรเลขตามแนวรถไฟเป็นเส้นทางหลักในการวางโครงข่าย โดยปัจจุบัน ไอเทล ได้วางโครงข่ายครอบคลุมแล้วทั้งสิ้น 75 จังหวัดทั่วประเทศ และยังสามารถให้บริการเชื่อมต่อกับโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงของประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สิงค์โปร์ มาเลเซีย กัมพูชา ลาว และพม่า รวมทั้งมีศูนย์บริการแก้ไขเหตุขัดข้องทั่วประเทศถึง 38 ศูนย์ สามารถดำเนินการได้ตลอด 24 ชม.หากเกิดเหตุเสียขึ้น ทำให้ ไอเทล มีความพร้อมในการให้บริการลูกค้าขนาดใหญ่ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ

Photo : Pixabay
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,204 วันที่ 27 - 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559