“Dow” สร้าง “บ้านดาวอาสา” หลังที่ 37 ให้ผู้ขาดแคลนที่พักอาศัย

02 มิ.ย. 2563 | 01:35 น.

“Dow” สร้าง “บ้านดาวอาสา” หลังที่ 37 ให้ผู้ขาดแคลนที่พักอาศัย ร่วมมือ บ.โตโยโก ประเทศไทย ใช้นวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อนวัตกรรม

กลุ่ม "บริษัท ดาว ประเทศไทย" (Dow) ร่วมกับ "บริษัท โตโยโก ประเทศไทย" ร่วมสร้างบ้านด้วยนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับครอบครัวของนายไพรัส เพิ่มเติมทรัพย์ ใน ต.พลา จ.ระยอง ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านดาวอาสาหลังที่ 37 และเป็นบ้านเฉลิมพระเกียรติหลังล่าสุดตามโครงการสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ในชุมชนของเหล่ากาชาดจังหวัดระยอง เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

ทั้งนี้ บ้านดาวอาสาหลังล่าสุดถือเป็นบ้านหลังแรกในภูมิภาคอาเซียนที่นำเทคโนโลยี DOW VORACOR นวัตกรรมฉนวนกันความร้อนชนิดพ่นเคลือบบนหลังคามาใช้ในอาคารที่อยู่อาศัย ซึ่งจะช่วยให้มีความแข็งแรงคงทน มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรับแรงกระแทก และป้องกันรอยรั่วจากการรั่วซึมของน้ำ อีกทั้งยังช่วยป้องกันความร้อนสะสมภายในอาคารเมื่อเทียบกับการใช้กระเบื้องหลังคาทั่วไป

“Dow” สร้าง “บ้านดาวอาสา” หลังที่ 37 ให้ผู้ขาดแคลนที่พักอาศัย

นอกจากนี้ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากใช้เทคโนโลยี Hydrofluoro-olefin (HFO) ซึ่งมีความยั่งยืนกว่าเพราะไม่ก่อให้เกิดสารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน หรือ CFC จึงไม่ทำลายชั้นบรรยากาศโลกและไม่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน

นายเดชา พาณิชยพิเชฐ ผู้อำนวยการโรงงาน เปิดเผยว่า ปีนี้เราไม่เพียงร่วมกับพนักงาน มูลนิธิที่อยู่อาศัย ประเทศไทย และเหล่ากาชาดจังหวัดระยองในการช่วยเหลือชุมชนรอบโรงงานของเราให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น แต่ยังร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ นำเทคโนโลยีระบบหลังคารักษ์โลกจากธุรกิจโพลียูริเทนมาช่วยเสริมให้บ้านมีความแข็งแรงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งตอบโจทย์ของบริษัทฯ ในการสร้างความยั่งยืนให้ชุมชนอย่างมีส่วนร่วมได้เป็นอย่างดี

“Dow” สร้าง “บ้านดาวอาสา” หลังที่ 37 ให้ผู้ขาดแคลนที่พักอาศัย

ด้วยความมุ่งมั่นในการร่วมสร้างสังคมและชุมชนรอบพื้นที่ปฏิบัติงานให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นและเป็นชุมชนที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน นับตั้งแต่ พ.ศ. 2549 กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ได้ร่วมกับมูลนิธิที่อยู่อาศัย ประเทศไทย ดำเนินโครงการบ้านดาวอาสาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ได้สนับสนุนทุนทรัพย์เพื่อเป็นงบประมาณในการก่อสร้างบ้านหลังละ 300,000 บาท รวมถึงพนักงานของบริษัทฯ ยังร่วมเป็นอาสาสมัครของโครงการนี้ด้วย จวบจนปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ส่งมอบบ้านและอาคารสาธารณประโยชน์ที่ปลอดภัย แข็งแรง และถูกสุขลักษณะ ให้กับชุมชนและครอบครัวของผู้มีรายได้น้อยแล้วทั้งสิ้น 37 หลัง เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาและสร้างโอกาสในการเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยได้มากยิ่งขึ้น