เอกชน ระดมกำลังช่วยเหลือสู้ไปด้วยกัน...ไม่เพิ่มภาระให้สังคม

#อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ 

#สู้ไปด้วยกัน 

#ประเทศไทยต้องชนะ 

#เสียงปรบมือคือกำลังใจ #ช่วยกันแคร์ดูแลกัน

แฮชแท็ก (Hashtag) เหล่านี้ คือ การส่งต่อกำลังใจ ในยามนี้คนไทยต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ดูแลกัน ต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนา ที่ยังส่งผลกระทบไปทั่วโลก โดยเฉพาะคนที่ยังมีแรง มีกำลังที่ดี อย่างภาคเอกชน หลายๆ แห่ง ที่ระดมความสามารถทั้งกำลังทรัพย์และกำลังความสามารถที่มีออกมาส่งต่อความช่วยเหลือให้ทั้งคณะแพทย์ที่ทำงานรักษาผู้ป่วย ดูแลผู้ที่มีความเสี่ยง ในขณะเดียวกันก็พยายามช่วยลดการแพร่ขยายของปริมาณผู้ป่วยลง ด้วยการให้พนักงานของตัวเอง Work From Home

ค่ายเอไอเอส “ปรัธนา ลีลพนัง” หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บอกกล่าวกับ “ซีเอสอาร์ ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เอไอเอส ด้วยวิถีชีวิตคนไทยที่เปลี่ยนไป เกือบฉับพลันทันที ทำ ให้มีความต้องการใช้อินเตอร์เน็ต เพิ่มสูงขึ้น หน้าที่ของเอไอเอส คือการดูแลความพร้อมของเครือข่าย เพื่อให้การใช้ชีวิตของลูกค้ายังสามารถดำเนินต่อไม่ติดขัด และ ในส่วนของภาคสังคม เอไอเอสได้ร่วมกับคณะวิศวกรรมฯ และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ สร้างนวัตกรรม หุ่นยนต์บริการทางการแพทย์ Telemedicine ให้คำปรึกษาทางไกลบนเทคโนโลยี 5G ช่วยให้แพทย์สามารถเข้าถึง และให้การรักษาผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องสัมผัสหรืออยู่ใกล้ผู้ป่วย ซึ่งถูกนำไปใช้งานจริงในร.พ.ราชวิถี ร.พ.ทรวงอก และ ร.พ.นพรัตนราชธานี และกำลังขยายผลไปสู่ร.พ.อื่นๆ

รวมทั้งได้เดินหน้าติดตั้งเครือข่าย 5G ในร.พ. เพื่อสนับสนุนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ทำให้การบริหารจัดการของ ร.พ. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น ดังเช่น นำ 5G เข้าไปติดตั้ง ที่ ร.พ. สนาม ที่ ร.พ.ธรรมศาสตร์ฯ และอยู่ในระหว่างดำเนินการนำ 5G เข้าสู่ ร.พ. ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน เพื่อนำเทคโนโลยีช่วยเสริมขีดความสามารถและลดความเสี่ยงให้กับบุคลากรทางการแพทย์

เช่นเดียวกับ “รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี และประธานกรรมการมูลนิธิเอสซีจี ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการ “ช่วยกันแคร์ดูแลกัน” มอบนวัตกรรมป้องกันโควิด-19 ให้โรงพยาบาล 7 แห่ง เพื่อยกระดับความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย และผู้ใกล้ชิด ด้วยงบประมาณมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ของมูลนิธิเอสซีจี ซึ่งมีทั้งห้องตรวจและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง (Modular Screening & Swab Unit) ชุดอุปกรณ์ติดตามสุขภาพทางไกล (Tele-Monitoring) ที่เชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี Internet of things (IoT) โดย Living Solution ของเอสซีจี ช่วยติดตามข้อมูลสุขภาพผ่านระบบออนไลน์แบบเรียลไทม์

ห้องนํ้าสำเร็จรูป (Modular Bathroom) CT Scan และ อุปกรณ์ทางการแพทย์ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ได้แก่ แคปซูลความดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อ (Isolation Capsule) ห้องตรวจเชื้อความดันลบแบบเคลื่อนที่ (Isolation Chamber) และกล่องป้องกันเชื้อฟุ้งกระจาย (Aerosol Box) ช่วยในปฏิบัติการใส่ท่อช่วยหายใจ นอกจากนี้เอสซีจี โลจิสติกส์ ยังช่วยขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น รวมทั้งมอบบรรจุภัณฑ์ Festและเจลล้างมือ ให้ร.พ.รัฐ และกทม.พร้อมร่วมเย็บหน้ากากผ้า ลดการใช้หน้ากากอนามัย

ลอรีอัล กรุ๊ป ได้ดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือ เพื่อสนับสนุนการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรนาในหลายภาคส่วน โดยเบื้องต้นได้เริ่มช่วยเหลือในภูมิภาคยุโรป และกำลังเร่งหารือถึงการช่วยเหลือในภาคส่วนต่างๆ ในภูมิภาคอื่นๆ เพิ่มเติม ด้วยการผลิตเจลทำความสะอาดมือและจะเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อสนับสนุนความต้องการของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในฝรั่งเศสและยุโรป

ส่วนภาคเอกชนอื่นๆ ก็ร่วมกันสนับสนุนเงิน หน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 เจลล้างมือ อาทิ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ ดีแทค บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) แกร็บ ประเทศไทย กลุ่มบริษัท เอส.บี. เฟอร์นิเจอร์ฯ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด กลุ่มธุรกิจ TCP Sea (ประเทศไทย) บริษัท หัวหินอีเว้น ซัพพลาย จำกัด บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มเซ็นทรัล สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน โดยสำนักวิจัยและบริการวิชาการ กลุ่ม ปตท. ธนาคารยูโอบี บริษัท คิงส์แพ็ค และอีกมากมายหลายบริษัท ที่ร่วมแรงร่วมใจ ทำให้พวกเราคนไทย ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน 

หน้า 27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40  ฉบับที่ 3,562 วันที่ 2 - 4 เมษายน พ.ศ. 2563