ชีวิตใหม่ของขยะพลาสติกในฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ชื่อว่า สร้างขยะพลาสติกมากที่สุดในโลก แต่อนาคตของปัญหานี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากรัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังจับมือกับภาคเอกชน ร่วมกันทำโครงการ “ชุบชีวิตใหม่ให้ขยะพลาสติก” โดยการนำขยะพลาสติกหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นถุงพลาสติก ขวดพลาสติก หรือบรรจุภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ มารีไซเคิลกลายเป็นเชื้อเพลิงสำหรับใช้ในโรงงานผลิตซีเมนต์ และแม้แต่นำมารีไซเคิลทำเป็นวัสดุผสมกับแอสฟัลต์เพื่อราดทำถนน
ผู้ร่วมโครงการในฝั่งของภาคเอกชนได้แก่ บริษัท ซานมิเกล คอร์ปฯ บริษัท รีพับลิค ซีเมนต์ แอนด์ บิลดิ้ง แมตทีเรียลส์ฯ ในเครืออะบอยทิส อิควิตีส์ เวนเจอร์ โดยซานมิเกลนั้นได้เริ่มนำขยะพลาสติกมารีไซเคิลเพื่อผสมแอสฟัลต์ สำหรับราดทำถนนเส้นแรกเสร็จเรียบร้อยแล้วในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา วัสดุราดผิวถนนดังกล่าววิจัยและพัฒนาโดยบริษัท ดาว เคมิคอล จากสหรัฐอเมริกา ถนนเส้นนี้อยู่ชานกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ใช้พลาสติก 900 กิโลกรัมต่อผิวถนน 1,500 ตารางเมตร
ส่วนโครงการนำขยะพลาสติกมารีไซเคิลเพื่อทำเป็นเชื้อเพลิงใช้ในโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ของบริษัทรีพับลิค ซีเมนต์ แอนด์ บิลดิ้ง แมตทีเรียลส์ฯ นั้น เป็นการนำพลาสติกมาใช้เป็นเชื้อเพลิงแทนถ่าหินสำหรับเตาเผาซีเมนต์ ขยะพลาสติกที่รวบรวมได้นั้นมาจากบริษัท เนสท์เล่ฯ และบริษัทยูนิลีเวอร์ฯในฟิลิปปินส์ที่ให้ความร่วมมือในการรวบรวมและป้อนให้กับโรงงานซีเมนต์ ซึ่งนำพลาสติกมารีไซเคิลเป็นเชื้อเพลิงปริมาณปีละ 25,000 ตันเป็นอย่างน้อย
ทั้ง 2 โครงการมีเป้าหมายลดปริมาณขยะพลาสติกที่กำลังสร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตในประเทศฟิลิปปินส์ โดยพุ่งเป้าการรีไซเคิลไปที่พลาสติกอ่อนที่มักใช้ทำถุงและขวดพลาสติก และเมื่อกลายเป็นขยะก็มักสร้างปัญหาอุดตันเส้นทางนํ้าและกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมในระบบนิเวศ ทั้งนี้ ข้อมูลชี้ว่า ในแต่ละวันชาวฟิลิปปินส์ใช้ถุงพลาสติกเฉลี่ยราว 48 ล้านชิ้นและบรรจุภัณฑ์พลาสติกราว 164 ล้านชิ้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ แต่หากคิดในเชิงเศรษฐกิจหมุนเวียน ขยะพลาสติกเหล่านี้สามารถนำกลับมาสร้างประโยชน์ โดยเฉพาะในยามที่รัฐบาลมีโครงการก่อสร้างถนนหนทางและโครงสร้างพื้นฐานอีกมาก ขยะพลาสติกสามารถคืนชีพกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้งได้ไม่ว่าจะเป็นในรูปของเชื้อเพลิง หรือถนนเส้นใหม่ที่ใช้งานได้จริง
หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,544 วันที่ 30 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
