อสังหาฯรับอานิสงส์สายสีม่วง ดันราคาที่ดินฝั่งตะวันตกพุ่ง

22 ส.ค. 2559 | 04:00 น.
"พฤกษา" ชี้บางใหญ่-บางบัวทอง เติบโตต่อเนื่อง เผยภายใน 2 ปีราคาที่ดินพุ่งเท่าตัว ดันราคาที่อยู่อาศัยขยับ ด้าน ลลิล ระบุตลาดเริ่มคึกคักหลังรถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการ AREA เปิดข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัย พบผู้ประกอบการรายใหญ่ครองสัดส่วนสูงถึง 71%

[caption id="attachment_87406" align="aligncenter" width="335"] ปิยะ ประยงค์  กรรมการผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจแวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ปิยะ ประยงค์
กรรมการผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจแวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)[/caption]

นายปิยะ ประยงค์ กรรมการผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจแวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยย่านบางใหญ่-บางบัวทอง มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ราคาที่ดินก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน จากเดิมราคาที่ดินย่านบางใหญ่บริเวณริมถนนอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาทต่อไร่ ปัจจุบันขยับขึ้นมาอยู่ที่ 5-6 ล้านบาทต่อไร่ ภายในระยะเวลา 2 ปี ส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยปรับขึ้นเช่นดียวกัน เดิมทาวน์เฮาส์ราคาต่อหน่วยอยู่ที่ 1 ล้านบาทต้นๆ ปัจจุบัน 1.5-2 ล้านบาทต่อหน่วย

ในส่วนของบริษัทได้ให้ความสำคัญกับพื้นที่ดังกล่าวอย่างมาก คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 20-25% ของพอร์ตสินค้าทั้งหมดของบริษัท ปัจจุบันมีโครงการในพื้นที่ดังกล่าวมากกว่า 10 โครงการ ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม ครอบคลุมในทุกระดับราคา ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการเพิ่มอีก 3 โครงการ และมีแผนที่จะซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN กล่าวถึง ตลาดที่อยู่อาศัยในทำเลกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกว่า มีศักยภาพการเติบโตที่ดี ด้วยปัจจัยทางภูมิศาสตร์ที่ปลอดโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ทำให้เหมาะกับการอยู่อาศัย และยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต โครงสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ส่งเสริมให้ความต้องซื้อในย่านนี้เพิ่มสูงขึ้น

สำหรับบริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยพัฒนาในพื้นที่ฝั่งตะวันตก ทั้งที่ปิดการขายไปแล้วและเปิดขายประมาณ 20 โครงการ โดยเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างขาย 10 โครงการ มูลค่าร่วม 3,400 ล้านบาท คิดเป็นหน่วยเหลือขายที่ประมาณกว่า 1,000 หน่วย โดยสินค้าที่บริษัทพัฒนาประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 1.5-2 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว ระดับราคา 3-6 ล้านบาท

โดยในช่วงครึ่งแรกปี 2559 บริษัทได้เปิดขายโครงการในพื้นที่ดังกล่าว 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,700 ล้านบาท ได้แก่ "ไลโอ บลิสซ์ (Lio Bliss) กาญจนาภิเษก – ชัยพฤกษ์ (ซอยบ้านกล้วย-ไทรน้อย) ปัจจุบันสามารถปิดยอดขายได้ 100% ในเฟสแรก "ไลโอ อีลิท (Lio Elite) กาญจนาภิเษก - เวสต์เกต" มียอดขายในเฟสแรก 60% และ"แลนซีโอ ไพรด์ (Lanceo PRIDE) กาญจนาภิเษก-คลองถนน" มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

ด้าน ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย หรือ AREA กล่าวว่า จากการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยย่านบางบัวทองอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2537 พบว่า พื้นที่บางบัวทองมีจำนวนสินค้าอยู่ 36,012 หน่วย ทั้งนี้ สินค้าส่วนใหญ่ที่อยู่ในตลาด พัฒนาโดยบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์คิดเป็นสัดส่วนถึง 71% โดยเป็นของบริษัทนอกตลาดเพียง 29% ระดับราคาขายเฉลี่ยที่อยู่อาศัยในพื้นที่อยู่ที่ 2.939 ล้านบาท ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของกรุงเทพฯที่ 4 ล้านบาท สำหรับระดับราคาสินค้าที่มีกลุ่มใหญ่ที่สุดคือระดับ 2-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท กลุ่มละ 32% ในส่วนของราคาเกิน 5 ล้านบาท มีเพียง 22% เท่านั้น

สำหรับบริเวณถนนบางใหญ่-บางบัวทอง ถือได้ว่าเป็นถนนที่มีศักยภาพ เนื่องจากมีระยะทางที่ค่อนข้างยาวและมีจุดเชื่อมโยงตลอดแนวพื้นที่ด้านตะวันตกของ กทม.และนนทบุรี ทำให้ตามแนวถนนสายดังกล่าวกลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่รองรับการขยายตัวของเมือง โดยพื้นที่ริมถนนกาญจนาภิเษกส่วนใหญ่จะเป็นการพัฒนาในเชิงพาณิชย์ทั้งโชว์รูมรถยนต์ บริษัทห้างร้าน ร้านอาหาร ตลาดต้นไม้ ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,185 วันที่ 21 - 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559