ปรับอาณัติสัญญาณระบบเปิด แอร์พอร์ตลิงค์เร่งชงผลศึกษาก่อนจัดซื้อ 7 ขบวนใหม่

17 ส.ค. 2559 | 08:00 น.
แอร์พอร์ตลิงค์ปรับระบบอาณัติสัญญาณเป็นระบบเปิด พร้อมเปิดประมูลจัดซื้อขบวนรถใหม่ 7 ขบวน รองรับการขยายแนวเส้นทางไปดอนเมืองและอู่ตะเภาในอนาคต คาดปี’61 ทำสถิติผู้โดยสารสูงสุดถึง 7.2 หมื่นคนต่อวัน

นายสุเทพ พันธ์เพ็ง รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มสายงานปฏิบัติการและซ่อมบำรุง บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้แอร์พอร์ตลิงค์จะครบรอบ 6 ปีของการเปิดให้บริการพร้อมกับจะมียอดปริมาณผู้โดยสารสะสมมาครบ 100 ล้านคนในช่วงดังกล่าว โดยเฉลี่ยจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นประมาณ 13% ปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการประมาณ 6 หมื่นคนต่อวัน ดังนั้นหากปรับรถโดยสารขบวนเอ็กซ์เพรสไลน์มาให้บริการจะสามารถรองรับได้สูงสุดถึง 7.2 หมื่นคนได้ในอีก 2 ปีนี้สอดรับกับการจัดซื้อขบวนรถใหม่ที่จะทยอยรับขบวนรถมาใช้งานในช่วงดังกล่าว

ล่าสุดบอร์ดแอร์พอร์ตลิงค์ได้เห็นชอบให้ส่งผลการศึกษากรณีการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์เป็นระบบเปิดเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ศึกษาให้กับแอร์พอร์ตลิงค์โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ โดยหลังจากนี้จะเร่งนำเสนอการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)นำไปบรรจุไว้ในเงื่อนไขการจัดซื้อรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ทั้ง 7 ขบวนต่อไปหลังจากที่ช่วงก่อนนี้ได้ถูกยกเลิกการจัดซื้อเนื่องจากแอร์พอร์ตลิงค์อยู่ระหว่างการปรับระบบอาณัติสัญญาณเป็นระบบเปิดเพื่อให้พร้อมรองรับการการขยายแนวเส้นทางไปสู่ดอนเมืองและอู่ตะเภาในอนาคต

ทั้งนี้การจัดซื้อรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ 7 ขบวนรวมวงเงินกว่า 4,400 ล้านบาทต้องการจัดซื้อเป็นขบวนรถไฟฟ้าธรรมดา(City Line) ทั้งหมดแต่เนื่องจากจะมีการปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณให้เป็นระบบเปิดสำหรับรองรับการต่อขยายแนวเส้นทางไปยังสนามบินดอนเมืองและสนามบินอู่ตะเภาได้อย่างครอบคลุมมากขึ้นจึงต้องเร่งปรับปรุงระบบให้สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่วันนี้โดยระบบใหม่ที่จะนำมาใช้จะนำมาจากแถบยุโรปซึ่งในเบื้องต้นนั้นพบว่าประมาณ 6 รายที่สามารถดำเนินการได้ ล่าสุดผ่านการพิจารณาของบอร์ดแอร์พอร์ตลิงค์เรียบร้อยโดยจะเป็นระบบ ETCS ระดับ 1 พร้อมปรับเปลี่ยนเป็นระดับ 2ในอนาคตต่อไปได้ โดยจะต้องมีระบบการควบคุมรถไฟฟ้าอัตโนมัติด้วย ขั้นตอนสุดท้ายจะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ความเห็นชอบต่อไป โดยทั้ง 2 ระบบจะใช้งบประมาณราว 1,400 ล้านบาทไปดำเนินการปรับปรุงระบบใหม่ในครั้งนี้

"ระบบใหม่ติดตั้งควบคู่กับระบบเดิมได้ทันที โดยไม่ต้องรื้อระบบเดิมออกไปยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ ทั้งนี้ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับรื้อขบวนรถไฟฟ้าเอ็กซ์เพรสไลน์จำนวน 4 ขบวนให้เป็นระบบซิตีไลน์ คาดว่าจะเริ่มทยอยนำไปใช้งานได้ในปลายปีนี้เป็นต้นไป โดยจะมีการปรับความถี่ในการเดินรถในช่วงเร่งด่วนจาก 12 นาทีต่อขบวนเป็น 10 นาทีต่อขบวน และในช่วงเวลาปกติจาก 15 นาทีเป็น 12 นาทีต่อขบวน ในส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ยังคงระดับ 12 นาทีต่อขบวนจากเดิมประมาณ 15 นาทีต่อขบวนเนื่องจากปริมาณผู้โดยสารเบาบางลงบ้างโดยในช่วงวันหยุดยังพบอีกว่าจากเดิมปริมาณการใช้บริการจะลดลงจากวันปกติ 50% "

ทั้งนี้ปัจจุบันแอร์พอร์ตลิงค์ยังใช้ระบบตัดรถเที่ยวเสริมในหลายช่วง อาทิ ช่วงสถานีหัวหมากจำนวน 2 ขบวน นอกจากนั้นยังต้องตัดขบวนรถเพื่อเสริมจากสถานีลาดกระบังเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีปริมาณผู้โดยสารใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยในช่วงเช้าจะให้บริการทั้ง 8 ขบวน แต่ในเวลาปกติจะให้บริการ 7 ขบวนเท่านั้น

นายสุเทพยังกล่าวถึงความคืบหน้าของการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่วงเงิน 290 ล้านบาทของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ว่าปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณายื่นซองเทคนิคกับซองราคาของผู้สนใจทั้ง 6 รายคาดว่าจะสามารถรู้ผลการพิจารณาในอีก 2 สัปดาห์นี้หลังจากนั้นจึงจะเสนอบอร์ดพิจารณาอนุมัติต่อไป

"คาดว่าจะสามารถได้ตัวผู้รับจ้างในเดือนตุลาคมนี้ หลังจากนั้นจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือนในการจัดหาอุปกรณ์ อะไหล่ซึ่งคาดว่าเดือนเมษายนปีหน้าที่จะเริ่มการซ่อมขบวนแรก โดยจะดำเนินการซ่อมทีละขบวนต่อเนื่องกันไป ซึ่งช่วงระยะเวลาจะสอดคล้องกับการปรับปรุงรถเอ็กซ์เพรสไลน์ในช่วงนั้นพอดี"

โดยผู้สนใจทั้ง 6 รายนั้นประกอบด้วย 1.บริษัท ซีเมนส์ จำกัด 2. บริษัทเอสที มาสเตอร์เทค จำกัด 3.บริษัท พีซีเอ็ม ทรานส์ปอร์ต แอนด์ อินดัสเตรียล ซัพพลายส์ จำกัด 4.กิจการร่วมค้า ทีเอ็มที 5.บริษัท เอเชียเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส (ไทยแลนด์) จำกัด และ 6.บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ จำกัด มหาชน โดยมีผู้สนใจยื่นเอกสารประกวดราคาจำนวน 3รายคือลำดับที่ 4-5-6 เท่านั้น

นายสุเทพยังกล่าวถึงความคืบหน้าการบริหารจัดการพื้นที่จอดรถตามสถานีต่างๆ ว่าปัจจุบันยังอยู่ในการบริหารจัดการของ ร.ฟ.ท. ทั้งนี้หากแยกรายการทรัพย์สินต่อกันเรียบร้อยแล้วแอร์พอร์ตลิงค์ก็จะสามารถเข้าบริหารจัดการพื้นที่ต่อเนื่องได้ทันที

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,183 วันที่ 14 - 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559