“SA”เผยผลประกอบการ รายได้ 720 ล้าน กำไร 49 ล้าน

13 พ.ค. 2564 | 09:33 น.

“SA” เผยผลประกอบการไตรมาสแรก ทำรายได้รวม ที่ 720 ล้านบาท พร้อมตุน Backlog ปีนี้กว่า 6,400 ล้านบาท หนุนเป้าหมายการเติบโต

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 ทำรายได้ 720.6 ล้านบาท เติบโต 41.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 508.4 ล้านบาท แม้ยังต้องเผชิญต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจกระทบต่อยอดขายของบริษัทฯ เล็กน้อยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเริ่มฟื้นตัว และฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงต้นเดือนมีนาคม 

ขณะเดียวกัน SA ได้เพิ่มรายได้จากธุรกิจการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภท Branded Residence โดยมีบริการในรูปแบบของ Hotel Interchain เช่น Wyndham และ Ramada โดยที่ ณ สิ้นเดือนเมษายน สามารถรับรู้รายได้จากการเช่าประมาณ 2 ล้านบาท และคาดว่าจนถึงปลายปี 2564 จะมีรายได้จากการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ประมาณเดือนละ 7 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำไปช่วยเสริมในส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารได้

นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 49 ล้านบาท และยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ที่ 263.4 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 40.8% ต่อรายได้การขายอสังหาริมทรัพย์จำนวน 645.1 ล้านบาท  ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯ มุ่งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับควบคุมต้นทุนการก่อสร้างและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ ได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ  

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

“ไซมิส แอสเสท” เปิดแผนปี 64 กระจายพอร์ตลงทุนอสังหาฯครบวงจร

ปัจจุบัน บริษัทฯ มียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ในปีนี้กว่า 6,400  ล้านบาท  ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 2,300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ผลักดันให้ผลการดำเนินงานทั้งปีทำรายได้ 4,800 ล้านบาท ตามเป้าหมาย อีกทั้งจากกลยุทธ์ Branded Residence ที่ได้เริ่มดำเนินการด้านการตลาดมาก่อนหน้านี้ ทำให้ยอดขายเติบโตอย่างชัดเจน คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างผลงานให้ SA ได้ในอนาคต

ล่าสุด SA กำลังจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company: AMC) โดยจะดำเนินธุรกิจเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ประสบปัญหาด้านการเงินกับเจ้าหนี้ ซึ่งจะช่วยทำให้ SA สามารถเข้าซื้อ NPL และNPA จากสถาบันการเงินได้โดยตรง และสามารถเข้าถึงที่ดินต้นทุนต่ำ หรือเข้าถึงที่ดินกลางใจเมืองที่ปัจจุบันการหาที่ดินเปล่านั้นยากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนำมาปรับปรุง โดยใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมงานและผู้บริหารในการปรับปรุงอาคารมาแล้วหลายแห่ง จึงสามารถต่อยอดพัฒนาไปสู่รูปแบบ Branded Residence ได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนค่าก่อสร้าง
 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปี บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีกกว่า  4 โครงการ มูลค่าประมาณ 11,350 ล้านบาท เน้นทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งจะรองรับทุกความต้องการของกลุ่มคนในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ผู้สูงอายุ คนรักสัตว์เลี้ยง หรือแม้กระทั่งนักลงทุน แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 5,350 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท