‘DHOUSE’  จากดีลเลอร์เบียร์ สู่ธุรกิจอสังหาฯ     

28 พ.ย. 2563 | 22:05 น.

 

บริษัทดีเฮ้าส์พัฒนาจำกัด (มหาชน) หรือ DHOUSE บริษัทพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจังหวัดมหาสารคาม เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ดีเฮ้าส์โฮมเซ็นเตอร์จำกัด (DHC)  กับบริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (DH) โดยกลุ่มครอบครัว เลิศรุ้งพร และครอบครัวแก้ววิศิษฏ์ ภายใต้การบริหารงานของ 3 พี่น้อง นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร นายพงศ์นรินทร์ เลิศรุ้งพร และนายอรรถ เลิศรุ้งพร ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่ DHOUSE ประสบความสำเร็จ เน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเจาะกำลังซื้อมหาสารคามเป็นหลัก จำนวน  4 โครงการ ได้แก่

 

โครงการเดอะแกรนด์ เรสซิเดนซ์, เดอะแกรนด์ คาแนนนล, แกรนด์ บิช และพฤกภิรมย์ศาลากลางมูลค่ารวม 1,068 ล้านบาท และหลังระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ 130 ล้านบาท วางแผนพัฒนาอีก 2 โครงการได้แก่ U Park บนเนื้อที่ 40 ไร่ จาก 74 ไร่ ที่ดินทำเลทองผืนสุดท้ายติดรั้วมหาวิทยาลัยมหาสารคาม จำนวน 249 หน่วย มูลค่า 607 ล้านบาท เริ่มเปิดตัวโครงการไตรมาสแรกปี 2564  และโครงการแกรนด์บิช 2 บนเนื้อที่ 3 ไร่ ไตรมาส 2 ปี 2564 ทำเลในเมืองใกล้สถานศึกษา ศูนย์การค้าและสถานีที่ราชการมูลค่า 127 ล้านบาท รวมมูลค่ารวม 734.67 ล้านบาท

 

ส่วนอีก 3 โครงการใน 3-5 ปีข้างหน้า มีแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์แบรนด์ “M Park” จำนวน 1,500 หน่วย และ “River Condo” มูลค่าโครงการ 321.72 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 1 ล้านบาท รวมไปถึงโครงการมิกซ์ยูส เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย สร้างรายได้ประจำในอนาคตอีกทั้งมีแผนขยายโครงการไปยังจังหวัดขอนแก่น อุบลราชธานี ฯลฯ จากกรณีมีแหล่งงานและเมืองมหาวิทยาลัย เรียกว่าเป็นแบรนด์ใหญ่ ในอีสานที่ขยับตัวแรงอย่างน่าจับตาสะท้อนถึงกำลังซื้อที่ยังมีอีกมากโดยไม่ต้องพึ่งพาภาคท่องเที่ยว

จากดีลเลอร์สู่บิ๊กอสังหาฯ
     ทั้งนี้กว่าจะเป็น  DHOUSE  สองพี่น้องตระกูล เลิศรุ้งพร นายพงศ์นรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายอรรถ กรรมการผู้จัดการ  DHOUSE ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนเข้าสู่วงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เคยเป็นดีลเลอร์ หรือตัวแทนจำหน่ายเบียร์ช้าง (บริษัท เบียร์ไทย (1991) จำกัด (มหาชน)) ในจังหวัดขอนแก่น บ้านเกิด  และด้วยความชื่นชอบ เรื่องที่ดินประกอบกับคุณพ่อเป็นต้นแบบนักสะสมที่ดินซื้อมาขายไปตลอดจนเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อาคารพาณิชย์มาตั้งแต่ปี 2535 จึงจุดประกายทำธุรกิจด้านนี้ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทปี 2553

 

 

 

 

โดยที่ดินแปลงแรกได้ซื้อต่อจาก บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัดหรือ SAM  ในราคาเพียง 6 แสนบาทต่อไร่  ในเวลาเดียวกับ ห้าง โกลบอลทำเลในเมือง โดยมองว่า ต่อไปจะเป็นทำเลศักยภาพดึงดูด การพัฒนาและนำพาคนเข้าพื้นที่ อีกทั้งทำเลใกล้ศูนย์ราชการและมีรถไฟทางคู่ สายใหม่บ้านไผ่-นครพนม พาดผ่าน ถนนวงแหวนเฉือนผ่านแปลงที่ดินเพิ่มมูลค่า ขณะราคาที่ดินปัจจุบันปรับสูง 12 ล้านบาท และความได้เปรียบที่เป็นนักสะสมที่ดินนักเก็งกำไรตัวยง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะสามารถหาของถูกมาพัฒนา ซึ่งจุดนี้เป็นข้อได้เปรียบที่ แบรนด์ดังจากส่วนกลางยากที่จะต่อกร

 

 

ถึงเวลา บริษัทต้องโต
    นายพงศ์พจน์ มองว่า เนื่องจากพัฒนาโครงการในหลายรูปแบบในจังหวัดมหาสารคามมากว่า 10 ปี อาทิ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ ทำให้ DHOUSE เป็นผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ระดับแนวหน้าของจังหวัดมหาสารคาม ที่ถือเป็นจังหวัดที่มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตเป็นอันดับ 5 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองจากนครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี และอุดรธานี พร้อมทั้งตั้งเป้าขึ้นเป็นเบอร์ 1 บริษัทอสังหาฯ ในภาคอีสาน ด้วยแผนพัฒนา 5 โครงการกระจายทุกเซ็กเมนต์ เล็งขยายฐานตลาดแนวราบหัวเมืองใหญ่หวังสร้างแบรนด์ ตั้งเป้า 3-5 ปี รายได้แตะ 1,000 ล้านบาท เชื่อหากเศรษฐกิจฟื้นอาจเติบโตถึง 50%

 

    อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้บริษัทมีอัตราการเติบโตมากขึ้น จะต้องมีการจัดโครงสร้างและระบบให้ดีกว่าเดิม จึงมองเห็นช่องว่างที่จะสามารถทำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ จึงได้เริ่มศึกษาข้อมูลจากที่ปรึกษาทางการเงินคือ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) และมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PST แกนนำในการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ซึ่งได้ทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถระดมทุนได้จำนวน 130 ล้านบาท โดยเม็ดเงินจำนวน 20 ล้านบาท บริษัทฯจะนำไปชำระหนี้สิน ส่วนอีก 60 ล้านบาท จะนำไปพัฒนาโครงการในอนาคตและที่เหลืออีก 35 ล้านบาท เก็บไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

 

    “มหาสารคาม ไม่ใช่จังหวัดที่ใหญ่ แต่สามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจ เพราะสามารถทำให้ภาพพจน์ของบริษัทฯ ดีขึ้น มีความน่าเชื่อถือแต่ตั้งเป้าที่จะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ธุรกิจอสังหาฯในภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เร็วที่สุด” 

 

‘DHOUSE’  จากดีลเลอร์เบียร์ สู่ธุรกิจอสังหาฯ     

 

ศก.ครึ่งปีหลังเริ่มฟื้น
    ด้านนายอรรถ มองภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังปี 2563 มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีกว่าครึ่งปีแรก จากผลกระทบที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โครงการมีลูกค้าให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนอกจากนี้ยังมีธุรกิจหอพักให้เช่า บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยมหาสารคาม จำนวน 1 อาคาร สูง 5 ชั้นจำนวน 80 ห้อง ราคาประมาณ 5,000 บาท/เดือน และยังดำเนินธุรกิจรีเทล ภายใต้แบรนด์ “ฟาร์มมาร์ท” ที่จ.ขอนแก่น และจ.มหาสารคาม รวมไปถึงยังมีธุรกิจปั๊มน้ำมันในมหาสารคามจำนวน 2 แห่ง และในอนาคตมีแผนที่จะขยายธุรกิจดังกล่าวต่อเนื่องอีกด้วยแต่ทั้งนี้ ยังไม่ลืมที่จะเป็นนักสะสมแลนด์แบงก์เพื่อเป็นสินทรัพย์และรองรับการพัฒนาในอนาคต  ‘DHOUSE’  จากดีลเลอร์เบียร์ สู่ธุรกิจอสังหาฯ     

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40  ฉบับที่ 3,631 วันที่ 29 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม พ.ศ. 2563