นักขายอสังหาฯ มืออาชีพกับโจทย์ที่ท้าทาย

18 ก.ย. 2563 | 11:08 น.

ช่วงการระบาดของโควิด-19 จะทำให้ผู้บริโภคเกิด New Normal ในการจับจ่ายสินค้า โดย Bain & Company บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก ระบุว่าแนวโน้มการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์จะยังคงมีต่อไป แม้ว่าจะคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว ในส่วนของสินค้าโดยทั่วไปการปรับรูปแบบการขายสู่ออนไลน์นั้นอาจจะไม่ยาก แต่สำหรับอสังหาริมทรัพย์นับว่าเป็นสินค้าที่ต้องใช้องค์ประกอบในการปรับไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ค่อนข้างซับซ้อนกว่า เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง อีกทั้งผู้ซื้อยังต้องการดูสถานที่จริง การตัดสินใจซื้อต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตามภาคอสังหาริมทรัพย์เองก็มีการปรับตัวเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคมากที่สุด ซึ่งพบว่าในช่วงที่ผ่านมา

 

แม้จะเป็นช่วงที่มีการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดและมีการรณรงค์ให้ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” แต่ปรากฏว่ายอดขายอสังหาริมทรัพย์ของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ กลับยังไปได้ดี ส่วนหนึ่งมาจากการปรับตัวอย่างจริงจัง จนสามารถฝ่าวิกฤตมาได้ โดยยอดขายในช่วงไตรมาส 2 ตั้งแต่เดือนเมษายน – มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงล็อกดาวน์ สามารถสร้างยอดขายรวมมูลค่ามากกว่า 3,900 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงไตรมาส 1 (มกราคม – มีนาคม) ถึง 80% ทั้งนี้นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด   ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า  

 

นักขายอสังหาฯ มืออาชีพกับโจทย์ที่ท้าทาย

 

ทั้งนี้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ยังพบว่ามีคนจากหลากหลายกลุ่มอาชีพ ที่เดิมเคยเป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ผันตัวเองสู่อาชีพนักขายอสังหาฯจำนวนมาก ซึ่งการเริ่มต้นอาชีพนักขายอสังหาฯ ในช่วงวิกฤตอาจจะไม่ง่ายอย่างเช่นภาวะปกติ หากแต่สามารถเก็บเกี่ยวความรู้และเทคนิคต่างๆ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก ซึ่งพลัสฯ ก็มีเทคนิคการปรับตัวสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ หลายวิธีสามารถนำไปปรับใช้ได้ ดังนี้
1.    ใช้ทุกช่องทางการสื่อสารให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็น LINE Official Account ให้ข้อมูลตอบสนองลูกค้าได้ทันที โดยมีพนักงานขายเป็นผู้ให้ข้อมูลทั้งแบบเรียลไทม์และการติดต่อกลับตามข้อมูลที่ลูกค้าแจ้งไว้ Electronic Direct Mail (EDM) ส่งอีเมลเพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูล มีสื่อสนับสนุนการขาย ทั้งด้านข้อมูลโครงการและราคาโปรโมชั่น เพื่อส่งให้ลูกค้าดูอย่างละเอียด Social Media ทั้ง Facebook, Instagram, Twitter และ YouTube ที่ทำการสื่อสาร โปรโมทงานขายโครงการอย่างต่อเนื่อง และมีทีมงานที่พร้อมตอบข้อมูลลูกค้าทุกคำถามในทุกช่องทาง 
2.    สร้างประสบการณ์เสมือนจริง ให้ลูกค้าได้เห็นบรรยากาศโครงการ รายละเอียดห้อง เหมือนเดินทางมาดูด้วยตนเองที่สถานที่จริง ทั้งช่องทาง Facetime / VDO Call สื่อสารระหว่างลูกค้ากับทีมเซลล์  โดยเซลล์สามารถนำชมห้องที่ลูกค้าสนใจได้แบบเรียลไทม์ VDO Walk Through ทำวิดีโอส่งให้ลูกค้าดูรายละเอียดโครงการ ถ่ายทำโดยจำลองเส้นทางการเดินในคอนโดตั้งแต่จากบริเวณส่วนกลางจนมาถึงภายในห้อง เหมือนลูกค้ามาดูด้วยตาในสถานที่จริง และ Virtual Room Tour 360° ภาพจำลองห้องเสมือนจริง ให้ลูกค้าเลือกดูห้องในตำแหน่งต่างๆ ได้เหมือนอยู่ในห้องจริงผ่านทางเว็บไซต์ 

 

 

 

3.    ดูแลหลังการขาย  ให้การช่วยเหลือลูกค้าประสานงานเรื่องต่างๆเพิ่มเติมแม้หลังปิดการขาย  เช่นของพลัสฯ ที่พนักงานขายสามารถ Face Time กับซินแสของลูกค้าเพื่อพาชมห้องในตำแหน่งต่างๆ ดูฮวงจุ้ยที่เหมาะ และแนวทางการตกแต่งห้องกับลูกค้าแต่ละราย นอกจากนี้ หากลูกค้าสนใจที่จะทำการจอง ซื้อ หรือโอน โครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ก็สามารถดำเนินการได้ผ่านการชำระเงินและเอกสารออนไลน์โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าไปที่โครงการแห่งนั้น โดยจะมีเซลล์และทีมงานขายที่คอยเป็นตัวกลางประสานงานและดำเนินการเรื่องเอกสารต่างๆ ให้ครบจบในทุกขั้นตอน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของบ้านหรือคอนโดได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ไร้ความเสี่ยง

แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันลูกค้าจะเดินทางมาเยี่ยมชมโครงการสะดวกมากขึ้นแล้ว แต่การซื้ออสังหาริมทรัพย์ต้องใช้เวลาพิจารณาค่อนข้างนาน ดังนั้นการนำเสนอข้อมูลให้ลูกค้าได้อย่างครบถ้วนก่อนมาเยี่ยมชมก็เป็นการช่วยกระตุ้นการตัดสินใจ และลดปัญหาการเดินทางมาดูโครงการหลายรอบให้ได้ ลูกค้าบางรายสามารถเยี่ยมชมโครงการผ่านช่องทางออนไลน์โดยเปรียบเทียบหลายๆ โครงการแล้วเลือกไปดูสถานที่จริงเฉพาะโครงการที่ชอบ ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ก็ยังเชื่อว่าจะยังมีบทบาทต่องานขายอสังหาริมทรัพย์ต่อไป เพราะการทำงานที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและบุคลากรมืออาชีพนั้น จะสามารถปิดการขายได้เร็วและมีประสิทธิภาพ