ถอดรหัส ตลาดบ้านเดี่ยว เอพี สร้างไม่ทันขาย เติบโตเหนือวิกฤติ

18 ก.ย. 2563 | 09:31 น.

คอลัมน์ ผ่ามุมคิด               

 

ความคึกคักของตลาดแนวราบ จากการหลั่งไหลเข้ามาของดีมานด์ใหม่ และการปรับพอร์ต เปลี่ยนแผนของผู้ประกอบการหลังสถานการณ์โควิด-19 ยังคงร้อนระอุ จากภาพตลาดคอนโดมิเนียม แนวโน้มติดลบไม่เปลี่ยน แต่แนวราบสวนกระแส ขายออกได้ดี และความเสี่ยงต่ำ ภาพการบุกหนักในช่วงโค้งสุดท้ายของปี เพื่อเร่งทำยอดขายและรายได้ จึงเกิดขึ้นในหลายบริษัท เช่นเดียวกับ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ขาใหญ่ทั้งในตลาดคอนโดมิเนียมและแนวราบ หลังประกาศเบรกการลงทุนคอนโดฯ หันมาปูพรมบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม นับรวมทั้งปี 33 โครงการ 35,050 ล้านบาท ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งของตลาดปี 2563  ยังเดินหน้าขยายพอร์ตต่อเนื่อง ขณะโปรดักส์บ้านเดี่ยว คีย์สำคัญในการโกยยอด ซึ่งก้าวกระโดดจากหลักพันล้านเป็นหมื่นล้านในเวลาอันรวดเร็ว สะท้อนความฟีเวอร์ของแนวราบได้ดี เพราะแม้แต่เซ็กเมนต์ซูเปอร์ลักชัวรี ยังไปต่อท่ามกลางวิกฤติ

 

ถอดรหัส  ตลาดบ้านเดี่ยว เอพี  สร้างไม่ทันขาย เติบโตเหนือวิกฤติ

นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว เผย แม้ตลาดท้าทายขึ้นทั้งการแข่งขัน สภาวะผู้บริโภค และการหาที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนา แต่มั่นใจสูตรสำเร็จ การเข้าถึงลูกค้า ด้วยแพ็กเกจราคา และโลเคชั่นปั้นมือ จะตีตลาดแตกทุกเซกเม้นท์ ลุ้นรัฐเปิดช่องลูกค้าต่างชาติถือครองบ้านได้ ผลักดันตลาดเติบโตระยะยาว

 

 

ฉุดไม่อยู่ตลาดแนวราบ

 ตลาดแนวราบ เป็นตลาดที่เติบโตสวนกระแสอสังหาฯถดถอยอย่างเห็นได้ชัด นับเฉพาะผลดำเนินงานของบริษัทพบแม้ในไทม์ไลน์ที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย. กลับมียอดผู้เข้าชมโครงการ เติบโตเกือบเท่าตัว จาก 600 ราย ขยับมาสู่ 1,165 รายต่อสัปดาห์ เช่นเดียวกับยอดพรีเซลพุ่งสูงขึ้น 3 เดือนของไตรมาส2เติบโตกว่า 59% รวม จนถึงปัจจุบัน บริษัทมียอดพรีเซลเฉพาะกลุ่มแนวราบ อยู่ที่ 18,400 ล้านบาท ผลักดันใกล้แตะเป้าหมายทั้งปีที่ 22,500 ล้านบาท เป็นภาพใหญ่ที่สะท้อนการเติบโตของตลาดได้ดี แม้เจอวิกฤติ

 

 “หลังโควิดคลี่คลาย แม้ยังไม่เห็นตอนจบ แต่ตลาดที่จะเป็นไปได้แน่นอนยาวๆถึงปีหน้า คือ แนวราบ ยิ่งไตรมาสสุดท้าย หลายดีเวลลอปเปอร์ทุ่มโปรดักส์แข่งขัน เพื่อสร้างกระแสเงินสด ขณะตลาดคอนโดฯ งานยากผู้ประกอบการต้องปรับตัว ซึ่งขึ้นอยู่กับศิลปะ กลยุทธ์ของแต่ละรายในการเอาตัวรอด

 

ครองมาร์เก็ตแชร์สูงสุด

                ขณะคีย์หลักที่ทำให้โปรดักต์แนวราบของบริษัทเติบโตขึ้นมากจนขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 ของตลาดในปี 2563 นั้น ยกให้กับดาวเด่นบ้านเดี่ยว ซึ่งลุยพัฒนามานานถึง 15 ปี และมีการก้าวกระโดดจากรายได้หลักพันสู่หลักหมื่นล้านบาทในช่วงปีที่ผ่านมา ขณะปีนี้้เกิดปรากฏการณ์สร้างไม่ทันขายเปิดพรีเซล ใน 6โครงการใหม่ช่วงครึ่งปีหลัง เพียงระยะแค่ 2 วัน มียอดขายเกิดกว่า 1,000 ล้านบาท ผ่านแบรนด์ The Palazzo ซูเปอร์ลักชัวรี 25-60ล้านบาท และ 2 แบรนด์ติดตลาดอย่าง The City ไฮเอนด์ 9-25ล้านบาท และ Centro กลางบน 4.5-12 ล้านบาท รวมแผนเปิดตัวบ้านเดี่ยวใหม่ทั้งปี 18 โครงการ มูลค่า 20,430 ล้านบาท มากที่สุดในตลาด สำหรับไตรมาสสุดท้าย จ่อเปิด The City 2 โครงการ ทำเล บรมราชชนนี-ทวีวัฒนา และ สาธุประดิษฐ์  ยึดหลักการพัฒนา โปรดักต์ที่หลากหลาย - ราคาที่สอดคล้องกับความต้องการ และจุดแข็งด้านโลเคชั่น รวมถึงล่าสุด การผสานเทคโนโลยี แนวคิดใหม่ HYBRID LIVING เข้าไปเสริมในการอยู่อาศัยด้วย

 

 

 

 

ที่ดินโดน!ความยากแนวราบ

 อย่างไรก็ตาม ยอมรับ นับวันตลาดแนวราบจะมีการแข่งขันสูงขึ้น แต่นายรัชต์ยุตม์ สะท้อนมุมมอง ว่า นาทีนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก สำหรับรายใหม่ๆ ที่จะกระโดด เข้ามาแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาด เนื่องจากตลาดดังกล่าว ต้องอาศัยความชำนาญเฉพาะตัวสูงในการพัฒนา โดยเฉพาะ เรื่องการเฟ้นหาที่ดิน เพื่อรองรับการพัฒนาของโครงการ โดยมีปัจจัยเรื่องราคา สภาพแวดล้อม หรือ ปัญหาการร้องเรียนของคนในพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งแม้แต่เอพีเอง ก็มีอุปสรรคปัญหาดังกล่าว ยากสุด คือ การหาที่ดิน ซึ่งมีขนาดเหมาะสมกับโครงการบ้านเดี่ยว อย่างต่ำ 35 ไร่ขึ้นไป 

 

การมองหาที่ดินวันนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด แม้มีเรื่องภาษี่ที่ดิน เข้ามากดดัน บีบให้ผู้ถือครอง ป้อนใส่มือผู้พัฒนามากขึ้น แต่ตรงกันข้าม โดยเฉพาะทำเลในเมือง เจ้าของส่วนใหญ่ ไม่ร้อนเงิน จะขายก็ต่อเมื่อได้ราคาที่พอใจเท่านั้น ขณะบางส่วน ไม่ขายยกแปลง ปล่อยออกบางส่วน ขนาดที่ได้มาก็ไม่เหมาะกับการพัฒนาอยู่ดี

 

 

 

 

ลุ้นรัฐปลดล็อกต่างชาติ

                ทั้งนี้ ความน่าสนใจของตลาดแนวราบ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว แม้วันนี้บริษัทยังโฟกัสไปที่กลุ่มลูกค้าคนไทยเป็นหลัก ซึ่งยอดขายที่เกิดขึ้น ก็สะท้อนถึงกำลังซื้อที่เข้มแข็งของลูกค้าได้อย่างดี แต่ตลาดผู้ซื้อต่างชาติ ก็มีความน่าสนใจเช่นกัน หลังจากผู้ประกอบการ มีการชงมาตรการ ขอให้รัฐบาลเปิดช่อง การถือครองบ้านพร้อมที่ดินให้กลุ่มคนดังกล่าวได้เช่นเดียวกับคอนโดฯ ซึ่งเชื่อว่า หากรัฐบาลมีนโยบายออกมาชัดเจน ในสภาวะที่ตลาดโดยรวมขณะนี้ ต้องการแรงขับอื่นๆ ร่วมด้วย ผู้ประกอบการก็พร้อมจะปรับตัว รวมถึงเอพีด้วย ซึ่งทำเลที่โดดเด่น อย่าง พระราม 9-ศรีนครินทร์, เอกมัย-รามอินทรา หรือ แม้แต่ย่านสาธุประดิษฐ์  มองว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ พร้อมเชื่อ หลังรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจในวาระเร่งด่วนเสร็จสิ้นแล้ว จะถึงคิวธุรกิจอสังหาฯ ผ่านมาตรการกระตุ้นใหม่ๆ เพื่อเพิ่มแรงขับเคลื่อนให้กับเศรษฐกิจของประเทศ

 

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40  ฉบับที่ 3,610 วันที่ 17 - 19 กันยายน พ.ศ. 2563

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เอพี ย้ำเป้ายอดขาย 3.35 หมื่นล้าน พลิกกลยุทธ์ดันตัวเลขไตรมาส2พุ่ง