‘รามคำแหง’ Safe Zone แอสเซทไวส์ ลุยไฟตลาดคอนโดฯ

14 กรกฎาคม 2563

แอสเซทไวส์ ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายกลาง ลุยไฟตลาดคอนโดฯ ปักหมุดโปรเจ็กต์ยักษ์มูลค่า 5 พันล. เจาะไข่แดงย่าน “รามคำแหง” ชิงดีมานด์หนาแน่น ประเดิมก้าวใหม่ นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ชี้รามคำแหงทำเลอนาคต นับวันที่ดินยิ่งหายาก ซื้อ-ขายในซอยไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนบาทต่อตร.ว เชื่อซัพพลายไม่ล้น ชูกลยุทธ์ ราคาปัจจุบันแข่งขันตลาด

นายกรมเชษฐ์  วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผย ถึงแผนการดำเนินธุรกิจ หลังจากยื่นขอเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยฯ เรียบร้อยแล้ว ว่า บริษัทยังคงแผนเปิดโครงการใหม่จำนวน 4-5 โครงการ มูลค่ารวม 4-5 พันล้านบาทต่อปี ผ่านรูปแบบการลงทุนลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เพราะต้องการเติบโตอย่างมั่นคง มีเสถียรภาพ รวมถึงการลงทุนในปัจจุบัน ยังต้องพิจารณาถึงปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย เช่น สภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ ปี 2563 ที่ 3.5 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ผ่านมาแล้ว 6 เดือน ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

กรมเชษฐ์  วิพันธ์พงษ์

ขณะกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการนั้น นายกรมเชษฐ์ กล่าวว่า พอร์ตสินค้าส่วนใหญ่ยังโฟกัสในกลุ่มคอนโดมิเนียม เป็นหลัก เพราะแม้ขณะนี้ สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เปลี่ยนพฤติกรรมผู้ซื้อ ส่งผลให้ตลาดแนวราบขายดี แต่ยังต้องติดตามว่า เป็นเพียงแนวโน้มระยะสั้น หรือ ยาว เนื่องจาก ปัจจุบัน ราคาที่ดินที่ปรับตัวขึ้นสูงจากการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้านั้น ส่งผลบ้านมีราคาแพง ส่วนใหญ่ระดับหลัก 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งสวนทางกับรายได้ผู้บริโภค ที่แม้มีความต้องการ แต่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจไทยหดตัวเช่นนี้ จึงมีลูกค้าน้อยรายที่สามารถตอบรับได้ ฉะนั้น ตลาดคอนโดมิเนียมยังมีโอกาสอยู่มาก

ขณะกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการคอนโดฯของบริษัทนั้น จะเน้นในทำเลชุมชน มีดีมานด์รองรับ และหลีกเลี่ยงการแข่งขันสูง โดยล่าสุด ได้เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ “โมดิซ ไรห์ม รามคำแหง” บนเนื้อที่ 7 ไร่ ใกล้ MRTสถานีราคำแหง มูลค่ารวม 5 พันล้านบาท จำนวน 1,750 หน่วย ราคาเริ่มไม่ถึง 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยจะแบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 เฟส ซึ่งนำร่องเฟสแรก ตึกสูง 30 ชั้น แบ่งเป็นที่พักอาศัยพร้อมรีเทล รวมกว่า 1,790 ล้านบาท จับดีมานด์กลุ่มคนอยู่อาศัยในพื้นที่ , กลุ่มคนทำงานในสถานศึกษา-สถานพยาบาล และกลุ่มนักลงทุน ตั้งเป้ายอดพรีเซล 50% ระยะ 4-6 เดือน หลังจากมองว่า “รามคำแหง” เป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง มีความคึกคักของดีมานด์ที่อยู่อาศัยเติบโตเกิดขึ้่นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญอย่างรถไฟฟ้าสายสีส้ม, สีเหลือง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ เชื่อมความเจริญ จากย่าน CBD ใหม่พระราม 9 เข้ามาในพื้นที่อย่างรวดเร็ว โดย MRT เส้นทางสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จปี 2566 มีโครงข่ายทั้งบนดินและใต้ดิน เปรียบเป็นเส้นทางพิเศษ ซึ่งอนาคตมีโอกาสการเติบโตของพื้นที่คล้าย BTS สายสีเขียวในปัจจุบัน คาดจะเป็นทำเลที่เติบโตร้อนแรงสูงในอนาคต

“เปิดโครงการใหม่ไม่ยาก แต่เปิดแล้วขายดีต้องดูรายละเอียดมาก โครงการนี้เป็นทำเลอนาคต แค่ราคาปัจจุบัน ในพระราม 9-ลำสาลี เชื่อว่าต่ำสุด ขณะที่แบงค์เองประเมินว่า รามคำแหง เป็นโซนที่ปลอดภัยในเรื่องซัพพลาย ดีมานด์อยู่ มีเพียงบางสถานีที่หนาแน่น แต่ดีเวลอปเปอร์ก็แข่งกันทำราคาออกมา ผู้ซื้อได้ประโยชน์ โดยมีทั้งคนในชุมชน คนที่เข้ามาทำงานในพื้นที่ รวมถึงเป็นทำเลที่จะได้อานิสงส์จากดีมานด์แยกพระราม 9ที่ปัจจุบันราคาขายค่อนข้างสูงไปมาก เข้ามาเต็มๆ”

ทั้งนี้ ปัจจุบัน “รามคำแหง” มีการซื้อขายที่ดินค่อนข้างสูง เพราะมีข้อจำกัดเรื่องชุมชนหนาแน่น ไร้ที่ดินใหม่เข้าตลาด เนื่องจากตึกแถว หอพักส่วนใหญ่ ตกอยู่ในมือเจ้าของเก่า หวงที่ดิน ทำให้บางตึก บางอาคารมีการเช่าในราคาสูงถึง 1.5 แสนบาทต่อเดือน ส่วนราคาที่ดินในซอย ตารางวาละ 3.5-4.5 แสนบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างทรงตัวปรับขึ้นเล็กน้อย ส่วนราคาขายคอนโดฯ ปัจจุบัน เฉลี่ย 9.8หมื่นบาทต่อตารางเมตร จากจำนวนหน่วยขายสะสม 12,370 หน่วยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา 

หน้า 19-20  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40  ฉบับที่ 3,591 วันที่ 12 - 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2563