ข้อมูลจากเพจ ไทยคู่ฟ้า รายงานว่า สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. จะขยายระยะเวลาการพักชำระหนี้ของบ้านมั่นคงออกไปอีก 3 เดือนให้แก่สหกรณ์และสมาชิกโครงการฯ ที่ใช้สินเชื่อสร้างบ้านจาก พอช. จากเดิมที่จะครบกำหนดในเดือน มิ.ย. 63 ขยายเป็นเดือน ก.ย. 63
ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือชาวชุมชนบ้านมั่นคงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้มีโอกาสฟื้นฟูอาชีพและรายได้ โดยไม่ต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งจะมีประชาชนที่ได้รับประโยชน์ในครั้งนี้ จำนวน 119,956 ครัวเรือน หรือราว 5 แสนคน
ปัจจุบัน โครงการบ้านมั่นคงดำเนินการไปแล้ว 1,231 โครงการทั่วประเทศ ช่วยให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมอาชีพ ปลูกผักสวนครัวเพื่อลดรายจ่าย การร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ทำให้เกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและรายได้ต่อประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย รัฐบาลจึงมีนโยบายให้หน่วยงานต่างๆ ออกมาตรการช่วยเหลือและลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจต่อประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย
ในส่วนของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. ที่ทำงานกับชุมชนและเครือข่ายชาวบ้าน ได้มีมาตรการช่วยเหลือประชาชน โดยผ่อนผันให้สหกรณ์และสมาชิกโครงการบ้านมั่นคงทั่วประเทศที่ใช้สินเชื่อจาก พอช. ไม่ต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ พอช.เป็นเวลา 3 เดือน ในช่วงแรกตั้งแต่เมษายนถึงเดือนมิถุนายน ได้บรรเทาความเดือดร้อนในช่วง 3 เดือนนี้แก่ขบวนองค์กรชุมชนเกือบ 1.2 แสนครัวเรือน
ต่อมาที่ประชุมบอร์ด พอช. ได้มีการลงมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการพักชำระหนี้เพิ่มอีก 3 เดือนจากเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายนนี้ ขยายออกไปเป็นเดือนกันยายน เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย ให้ได้มีโอกาสฟื้นฟูเรื่องอาชีพและรายได้ โดยไม่ต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ทำให้มีประชาชนที่ได้รับประโยชน์ในครั้งนี้กว่า 1 แสนครัวเรือน ร่วม 5 แสนคน
นอกจากมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ รัฐยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยออก พ.ร.ก.เงินกู้ วงเงิน 1.0 ล้านล้านบาท ซึ่งมีระยะเวลาการกู้เงินที่รัฐสามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมจนถึง 30 กันยายน 2564
ส่วนการพักชำระหนี้โครงการบ้านมั่นคงช่วงแรก ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2563 สถาบันฯ ได้อนุมัติพักชำระหนี้รวมทั้งสิ้น 395 องค์กร รวม 119,956 ครัวเรือน ต้นเงินคงเหลือ 4,009.77 ล้านบาท ประมาณการดอกเบี้ยที่สถาบันฯ จะไม่ได้รับในปี 2563 รวม 37.25 ล้านบาท และหากขยายเวลาพักชำระหนี้ออกไปอีก 3 เดือน ดอกเบี้ยที่สถาบันฯ จะไม่ได้รับจะเพิ่มเป็น 74.50 ล้านบาท หรือช่วยให้กลุ่มและองค์กรที่ใช้สินเชื่อทั่วประเทศไม่ต้องชำระดอกเบี้ยรวม 74.50 ล้านบาท
องค์กรที่ขอพักชำระหนี้ 395 องค์กร คิดเป็นร้อยละ 79.48 ขององค์กรผู้ใช้สินเชื่อที่อยู่ในเกณฑ์พักชำระหนี้ได้ (497 องค์กร) โดยมีองค์กรที่ไม่ขอพักชำระหนี้ทั้งสิ้น 102 องค์กร ซึ่งเป็นสินเชื่อในโครงการบ้านมั่นคงทั้งหมด ส่วนใหญ่ใกล้ครบกำหนดสัญญาแล้วและมีเงินทุนภายในเพียงพอในการรับภาระการชำระคืนต่อสถาบันฯ จึงไม่ขอพักชำระหนี้ตามมาตรการช่วยเหลือ และมีบางองค์กรซึ่งไม่ขอพักชำระหนี้เนื่องจากไม่ประสงค์จะปรับเปลี่ยนระบบการบริหารจัดการภายใน