มั่นคงฯมั่นใจแผนแกร่งQ1กวาดยอด500ลบ.จองเพิ่ม80%

08 เม.ย. 2563 | 06:30 น.

มั่นคงฯลุยตามแผนธุรกิจ 5 ปี เน้นปรับตัวรับมือโควิด-19  ดึงเทคโนโลยีออนไลน์ตอบโจทย์ผู้บริโภค แจงQ1/63 มียอดขายกว่า 500 ลบ. Backlog เพิ่ม80% เตรียมขายทรัพย์ค่ากว่า 2พันลบ. เข้ากองทรัสต์

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการจำกัด (มหาชน)หรือ MK บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย เพื่อเช่าและบริการ เผยว่า จากสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของทุกภาคธุรกิจ  ซึ่งในส่วนของมั่นคงฯ นั้น ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มากนัก  ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เตรียมพร้อมรับมือและปรับเปลี่ยนแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น  ไม่ว่าจะเป็น การปรับการทำงานของทีมงาน  ปรับการขายโดยนำเทคโนโลยี Virtual Tour 360 องศา มาใช้เพื่อให้ลูกค้าชมบ้านเสมือนจริง  แม้ไม่ได้เดินทางมาที่โครงการ และสามารถเลือกเป็นเจ้าของผ่านช่องทาง Line ได้ด้วย  

มั่นคงฯมั่นใจแผนแกร่งQ1กวาดยอด500ลบ.จองเพิ่ม80%

นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และกว่า 70% เป็นลูกค้าไม่ติดภาระสัญญากู้เงินที่อยู่อาศัย ประกอบกับสินค้าของบริษัทฯ  อยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท  จึงทำให้ได้รับผลกระทบ ไม่มากหนัก ยิ่งไปกว่านั้นยังออกโปรโมชั่นต่างๆ ที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น ทำให้บริษัทฯ ยังสามารถทำยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง

“สำหรับไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทฯ สร้างยอดขายได้กว่า 500 ล้านบาท ซึ่งหากนับรวมยอดจอง Pre-Approve และ Backlog แล้ว สามารถทำยอดขายในช่วงไตรมาสแรกคิดเป็น 35% ของเป้าตลอดทั้งปี 2563   และจากการดำเนินงานในช่วงประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดจอง Pre-Approve และ Backlog ประมาณ 90 ล้านบาท/สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 80%”

มั่นคงฯมั่นใจแผนแกร่งQ1กวาดยอด500ลบ.จองเพิ่ม80%

นายวรสิทธิ์ กล่าวต่อถึงภาพรวมธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการของมั่นคงฯ ว่า ความแข็งแกร่งของแผนธุรกิจ 5 ปี ของบริษัทฯ ที่มุ่งสร้างสมดุลรายได้เพื่อความมั่นคง นับว่าเป็นแผนการดำเนินงานที่บริษัทฯ มาถูกทางแล้ว  แม้ในภาพรวมของการขายอสังหาริมทรัพย์  เพื่อการอยู่อาศัยจะชะลอตัวไปบ้างด้วยปัจจัยต่างๆ  แต่ด้วยแผนธุรกิจของบริษัทฯ ทำให้มีรายได้จากธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ  หรือธุรกิจรายได้ประจำเข้ามาเสริมและช่วยรักษาสมดุล  ทางรายได้ ทำให้ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้  ซึ่งในปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ รวม 530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากปี 2561

มั่นคงฯมั่นใจแผนแกร่งQ1กวาดยอด500ลบ.จองเพิ่ม80%

สำหรับแผนของธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ ของมั่นคงฯนั้น ได้แก่ ธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน ที่บริหารงานโดย บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ยังคงทำผลงานได้ดี  ทั้งนี้ในปี 2562 ที่ผ่านมามีผู้เช่าแล้วกว่า 90% ของพื้นที่เช่า, ธุรกิจโครงการ พาร์ค คอร์ท (Park Court) สุขุมวิท 77 คอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์ระดับลักซ์ชัวรีไฮเอนด์ให้เช่า ยังสามารถรักษาอัตราเช่าให้อยู่ที่ 80% ของจำนวนห้องเช่าทั้งหมด, ธุรกิจสนามกอล์ฟ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ, ธุรกิจบริการด้านดูแลจัดการบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดย บริษัท ยัวร์ส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด รวมไปถึงธุรกิจโครงการสถานพยาบาล สถานฟื้นฟู และเวชศาสตร์ชะลอวัย (Wellness Center) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต และมีแผนจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2563

ส่วนของหุ้นกู้และตั๋วแลกเงินที่จะครบกำหนดในช่วงปีนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมแผนการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องไว้ล่วงหน้า โดยช่วงปลายปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ระดมออกหุ้นกู้ 3 ปี 11 เดือน เป็นจำนวนเงิน 1,565 ล้านบาท อีกทั้งได้มีการขายทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในแผนพัฒนาในอนาคตอันใกล้เป็นจำนวนเงินกว่า 2,600 ล้านบาทในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา  นอกเหนือจากนี้ยังมีทรัพย์สินที่ไม่มีภาระผูกพันอีกมากกว่า 2,500 ล้านบาท  ทำให้บริษัทฯ มีความยืดหยุ่นเพื่อใช้เป็นช่องทางในการเสริมสภาพคล่อง  และสำหรับปีนี้ได้เตรียมที่จะขายทรัพย์สินในส่วนของโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ากว่า 130,000 ตารางเมตร  มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท เข้ากองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยทาง กลต.ได้อนุมัติให้จัดตั้งบริษัทจัดการกองทรัสต์เรียบร้อยแล้ว และคาดว่ากองทรัสต์จะเสนอขายต่อประชาชนได้ในช่วงไตรมาส 3 นี้  ทั้งนี้เมื่อปีที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Interest bearing debt ratio) ให้ยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดย ณ สิ้นปี มีสัดส่วนเท่ากับ 1.3 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

มั่นคงฯมั่นใจแผนแกร่งQ1กวาดยอด500ลบ.จองเพิ่ม80%

“ในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ท้าทายด้วยปัจจัยหลายๆ ด้าน ทั้งปัจจัยจากไวรัสโควิด-19 และสภาวะเศษฐกิจทั้งหลาย แต่เราก็ยังคงเดินหน้าสานต่อนโยบายสร้างความสมดุลของรายได้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและธุรกิจที่สร้างรายได้ อย่างสม่ำเสมอทั้งเช่าและการบริการ และมุ่งมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพ เพื่อขยายในส่วนของธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ ตามแผนการดำเนินธุรกิจ 5 ปี พร้อมขยับสัดส่วนกำไรของทั้ง 2 ฝั่งให้อยู่ที่ 50/50 ภายใน ปี 2564 เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นคงให้บริษัทฯ ตามแผนที่วางไว้” นายวรสิทธิ์ กล่าวสรุป