ดร.ธเนศ วีระศิริ นายก วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ วสท. เผยว่าจากสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนาหรือ โควิด-19 นั้นทางวสท. จึงได้จัดตั้งศูนย์วิศวกรรมสนับสนุนต้านภัย COVID -19 ขึ้นมา เพราะเห็นว่าแพทย์มีความต้องการอุปกรณ์หลายตัวที่เกี่ยวข้องกับด้านวิศวกรรม นำองค์ความรู้มาช่วยพัฒนาอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์ต่างๆที่แพทย์ต้องการ
โดยเริ่มจากทางโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เข้ามาขอคำปรึกษาในการเตรียมพื้นที่ในโรงพยาบาลมาจัดทำเป็นห้องความดันลบ จึงมีแนวคิดต้องการประดิษฐ์อุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อช่วยกลุ่มแพทย์และบุคคลากรทางการแพทย์ และสิ่งที่ประสบความสำเร็จแล้วคือห้องแยกการติดเชื้อทางอากาศความดันลบ ข้อดีคือสามารถติดตั้งได้ทั้งช่องทางเดิน ที่โล่งในโรงพยาบาล หรือสามารถใช้กับกลุ่มเสี่ยงที่ต้องการกักตัว ลดการแพร่กระจายเชื้อได้ สามารถประยุกต์ให้เป็นโรงพยาบาลสนามอย่างเต็มรูปแบบ ติดตั้งรวดเร็ว ราคาประหยัด ซึ่งได้มีการพัฒนาและทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“สิ่งที่คาดหวังคือ เราจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหาให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ในช่วงวิกฤติแบบนี้ และหากต้องการงานด้านวิศวกรรมให้นึกถึงเรา มีความยินดีที่จะช่วยกันระดมความคิดและหาสมาคมแวดวงวิศวกรมาช่วยกันประดิษฐ์เป็นงานต้นแบบ เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์ต่อไป”ดร.ธเนศ กล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายบุญพงษ์ กิจวัฒนาชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์วิศวกรรมสนับสนุนต้านภัย COVID -19 วสท.และประธานสาขาวิศวกรรมเครื่องกล วสท. กล่าวว่า จากการประมาณการณ์ของวงการแพทย์ถึงแนวโน้มผู้ป่วยที่ติดจากโควิด-19 ที่คาดว่าจะมีจำนวนมากนั้น จึงแจ้งมาที่วสท.ว่ามีความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์จำนวนมากด้วยเช่นกัน เพื่อเตรียมรองรับความแออัดที่จะเกิดขึ้น ทำให้เกิดการพัฒนา ห้องแยกการติดเชื้อทางอากาศความดันลบ หรือโค้ดที่ใช้คือ EIT-01-1/24032020 (Airborne Inflection Isolation Room หรือ AIIR) สิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)
โดย เป็นห้องอเนกประสงค์เพื่อบรรเทาความแออัดในสถานพยาบาล และป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ติดเชื้อ กลุ่มเสี่ยง การกักตัว และประชาชนทั่วไป สามารถใช้เป็นที่นั่ง 3-4คนตามระยะห่างความปลอดภัย หรือเพิ่มเตียงคนไข้ได้อีกหนึ่งเตียง โดยเลือกใช้วัสดุภายในประเทศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยในการใช้งาน ดูแล บำรุงรักษา และทำความสะอาดห้องได้โดยง่าย ห้องนี้จึงออกแบบตามมาตรฐานสากลมีขนาดกว้าง 1.30เมตร xยาว2.6เมตรxสูง2.20เมตร เหตุผลเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับแพทย์ในการดูแลรักษาคนไข้
ทั้งห้องนี้ต้องมีการควบคุมความดันตลอดเวลาด้วย โดยผ่านการทดสอบทั้งอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น ภายในห้อง การรั่วที่มากเกินไปของผนังห้อง การหมุนเวียนอากาศจำนวน 12 ครั้งต่อชั่วโมง และการรักษาแรงดันห้องให้มีความดันลบ (ต่ำกว่าความดันบรรยากาศ) น้อยกว่า 2.50 ปาสกาล (Pa) ส่วนวัสดุที่จะนำมาผลิตนั้นจะเน้นวัสดุที่ผลิตในประเทศจึงพบว่าท่อพีวีซีเหมาะสมที่สุดเพราะต้องใช้สิ่งที่มีน้ำหนักเบา ไม่มีรอยต่อ ไม่มีมุม ไม่สะสมเชื้อโรคมาเป็นตัวเสา ส่วนผนังจะใช้พลาสติกใส เพราะมีข้อดีคือผืนใหญ่ ไม่มีรอยต่อ พับเก็บได้ ความหนา 60 ไมครอน มีพัดลมดูดอากาศ เป็นตัวควบคุมความดัน เมื่อประกอบรวมกันแล้วจะใช้งบประมาณ 8,000 บาทต่อคนต่อเตียง
ซึ่งทางวสท.เตรียมติดตั้งให้กับโรงพยาบาลต่อไป รวมถึงเพื่อให้แบบนี้เป็นมาตรฐานกลาง มอบให้กับหน่วยงานราชการ และเอกชนสามารถนำไปใช้ในการจัดซื้อหรือผลิตได้ เนื่องจาก วสท. จะไม่ทำหน้าที่เป็นผู้ผลิต โรงงานผลิต และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการผลิต หรือการจำหน่ายใด ๆ ทั้งสิ้น แต่จะส่งมอบแบบและให้คำปรึกษาเท่านั้น
นอกจากนี้ได้มีการออกแบบ และสร้างอุปกรณ์ทางการแพทย์ชิ้นที่ 2 คือ “ถุงครอบศีรษะของบุคลากรทางการแพทย์แบบความดันบวก” เพื่อเป็นการป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องใกล้ชิดผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นคนเข็นเตียง พยาบาล จนถึงแพทย์ คาดว่าจะพัฒนาแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า และอุปกรณ์ทางการแพทย์ชิ้นที่ 3 เป็นเตียงคนไข้โปร่งใสครอบเตียงความดันลบ พร้อมอุปกรณ์บำบัดอากาศเพื่อใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดระหว่างทาง และขยายผลถึงรถเข็นคนไข้ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายเดือนมีนาคมนี้
“คนไทยต้องทำความหวังให้เป็นความจริงด้วยการลงมือทำ เชื่อว่าวิศวกรไทย และคนไทยทุกคนต้องการช่วยเหลือประเทศด้วยความรู้ที่เรียนมา ด้วยความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด ดังนั้นทุกความเห็น และกำลังใจของท่านจะช่วยให้พวกเราลงมือทำ และจะทำต่อไปจนกว่าคนไทยจะผ่านวิกฤตการณ์นี้ด้วยกันทุกคน และขอให้ทุกคนใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ไม่สร้างความเดือดร้อนต่อสังคม อยู่กับบ้านตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และสุขภาพแข็งแรงทุกคน”นายบุญพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย