"สนามกอล์ฟ"เรือธงใหม่ 'สยามกลการ' 

23 ม.ค. 2563 | 10:25 น.

 'สยามกลการ' ปัจจุบันดำเนินการบริหารงานภายใต้ตระกูลพรประภา และใครหลายคนที่ได้ยินชื่อสยามกลการคงต้องนึกถึง บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์เท่านั้น แต่วันนี้สยามกลการ ไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ แต่ยังมีธุรกิจอื่นๆรวมกว่า 59 บริษัทย่อย จาก 6 กลุ่มที่ธุรกิจที่ได้ดำเนินงาน ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์, อะไหล่ชิ้นส่วนรถยนต์, อุตสาหกรรมและเครื่องจักรหนัก, การท่องเที่ยวและบริการ, การศึกษาและเครื่องดนตรี, และการลงทุน โดยมีรายได้รวมทั้งกลุ่มกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีพนักงานรวมทั้งสิ้น 18,500 คน และมีรายได้รวมกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ


กลุ่มสยามกลการก่อตั้งในปี 2495  มีสำนักงานใหญ่อยู่บนถนนพระราม 1 และเริ่มดำเนินธุรกิจการจำหน่ายรถยนต์ใหม่-เก่า และได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัท นิสสัน ดัทสัน แต่ผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นผู้แทนจำหน่ายในต่างประเทศรายแรกของ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น 


หลังจากนั้น ในปี 2505 ได้ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์นิสสันเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ 'บริษัท สยามกลการและนิสสัน จำกัด' มีกำลังการผลิตวันละ 4 คัน มีพนักงานเพียง 120 คน ต่อมาได้ขยายโรงงานไปอยู่ศูนย์อุตสาหกรรมสยามกลการ ถนนบางนา-ตราด กม.21 บนพื้นที่ 800 ไร่ และตั้งโรงงานประกอบรถกระบะแห่งใหม่ขึ้น เปลี่ยนชื่อเป็น 'บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด' เพื่อจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ 


 ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมากลุ่มสยามกลการ พยายามปรับพอร์ทธุรกิจในกลุ่มยานยนต์ ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นิสสัน จากเดิม 13 โชว์รูม ก็ลดเหลือ 6 โชว์รูม โดยพื้นที่เดิมได้นำไปต่อยอดและรองรับธุรกิจใหม่ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ดีรายได้หลัก 60 % ยังมาจากกลุ่มออโตโมทีฟ
พรเทพ พรประภา

อีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่สยามกลการเพิ่งจะประกาศแผนงานล่าสุด คือ การทุ่มเงินก้อนโต 2,740 ล้านบาท พัฒนาสนามกอล์ฟภายใต้ชื่อ “สยามคันทรี่คลับ โรลลิ่ง ฮิลล์” ซึ่งเป็นสนามที่ 4 บนเนื้อที่ 660 ไร่ 


เหตุผลที่กลุ่มสยามกลการรุกธุรกิจสนามกอล์ฟ นายพรเทพ พรประภา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามกลการ จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจสนามกอล์ฟในปัจจุบันถือเป็นการกีฬา และขยายตัวเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มสยามกลการมีที่ดินในพัทยาและนำมาพัฒนาสนามกอล์ฟ”สยามคันทรี่คลับ” เปิดบริการมากว่า 50 ปี 


นอกจากนี้ยังลงทุนเพื่อรองรับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ที่จะมีบริษัทจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนเพิ่ม ส่งผลดีต่อธุรกิจสนามกอล์ฟในพื้นที่อีอีซี ซึ่งปัจจุบันสยามคันทรี่คลับมีลูกค้าต่างชาติสัดส่วน 85% ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น กับเกาหลี 
"สนามกอล์ฟ"เรือธงใหม่ 'สยามกลการ' 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นการเปิดตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย เนื่องจากสยามคันทรีคลับอยู่ใกล้สนามบินอู่ตะเภา 


ในปี 2561 สนามกอล์ฟในประเทศไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 300 สนาม มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเล่นกอล์ฟในประเทศไทยติดอันดับ 3 ของโลกปีละประมาณ 700,000-1,000 ,000 คน 


ในบรรดาสนามกอล์ฟ จำนวน 300 สนาม จากการสำรวจพบว่า “สยามคันทรี่คลับ” ของกลุ่มสยามกลการ มีสนามมากที่สุดจำนวน 4 สนาม จำนวนหลุมทั้งหมด 81 หลุม โดยในปี 2563 ตั้งเป้ามีผู้ใช้เพิ่มขึ้น 200,000 คนต่อปี 


นอกจากนี้ยังพัฒนา สนามที่ 5 สยามคันทรีคลับ แบงคอก จำนวน 99 หลุมอีกด้วย