ตลาดที่อยู่อาศัยปี 2563 มีแนวโน้มชะลอตัวไม่ต่างจากปีก่อนหน้า เหตุปัจจัยกระทบมีมากกว่าปัจจัยบวก ภาวะดังกล่าวบีบผู้ซื้อ-ผู้ขายปรับตัว ซึ่งแม้แต่กับผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ยังถือเป็นเรื่องยากในการสร้างการเติบโต และยิ่งเสี่ยงสูง สำหรับรายกลาง-รายเล็ก วงล้อสั้น อย่างไรก็ตาม หลายรายขวัญยังดี ไม่กังวลตลาดขาลง ชี้ภาวะกำลังซื้อซึม เศรษฐกิจไม่เอื้อ หลายปัจจัยรุมเร้าปี 2562 เปรียบเป็นบทเรียน ช่วยหยั่งตลาด ทั้งเป็นโอกาสดีให้ผู้ประกอบการทุกกลุ่ม หันกลับมาดูแผนและกลยุทธ์ขับเคลื่อนภายใน เตรียมสภาพคล่องรับความเสี่ยง หรือพัฒนาโปรดักต์อย่างไรให้ตรงกับความต้องการของผู้ซื้ออย่างแท้จริง ขณะเดียวกันต่างเชื่อว่าตลาดยังมีทางไป ขอรัฐหนุนอีกทาง
“ถึงเวลาปรับทุกอย่าง ต้องเปลี่ยนเกมเล่น เพราะมันใกล้ถึงจุดไปต่อไม่ได้แล้ว รัฐ และเอกชนต้องพูดคุยกัน ว่าจะผลักดันเศรษฐกิจผ่านอสังหาฯ อย่างไร ขณะนี้สถานการณ์ภายในไม่ได้เป็นบวก กระแสภายนอกก็หลายทาง แต่ดีมานด์ยังมี โดยเฉพาะกลุ่มกลาง-ล่าง ติดที่ความสามารถซื้อ การเป็นเจ้าของมันลำบากขึ้น รัฐควรมีโครงการสนับสนุนอย่างถาวร เช่น บ้านบีโอไอ ถือเป็นทางเลือกที่ดี อย่างไรก็ตาม อย่าโฟกัสกับปัจจัยภายนอกเกินไป จนลืมมองภายในที่เราควบคุมได้ เพราะหากภายในดี เชื่อก็จะขับเคลื่อนไปได้”
“ในอดีตยอมรับเราทำงานง่ายกันเกินไป แต่ภาวะที่เกิดขึ้นปัจจุบัน ช่วยบีบให้ต้องพัฒนา เรียนรู้ เพิ่มเติม ทำตัวเองให้เข้มแข็ง เพื่อให้รับกับภาวะต่างๆได้ดีขึ้น เราบริษัทไม่ใหญ่ ยังพอไปได้ กลยุทธ์ คือการศึกษาทำเล วางโครงการไม่ใหญ่มาก บ้าน 2-4 ล้านบาท เหมาะกับผู้ซื้อจริง และบริหารสต๊อก อย่าตุนมากเกินไป ขณะลูกค้าก็สำคัญ ต้องสกรีนตรวจสอบความสามารถในการกู้ก่อนทำสัญญา โดยไม่จำเป็นต้องหาลูกค้ามากๆ แล้วสุดท้ายกู้ไม่ผ่าน เพราะรีเจ็กต์เรตปัจจุบันสูง”
“ปีนี้คงไม่หวือหวา สิ่งที่เราเจอ เปรียบเป็นบทพิสูจน์ในการพัฒนาตัวเอง มองเรื่องเครือข่าย กับพาร์ตเนอร์ เป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจยุคนี้ เพราะช่วยให้คล่องตัวและกระจายความเสี่ยงได้ สำหรับตลาดปีนี้ แนวสูงคงซึมต่อ แต่มีโอกาสในกลุ่ม 7-8 หมื่นบาทต่อตร.ม. ส่วนแนวราบกลุ่ม 4-5 ล้านบาทยังพอไปได้ ต้องหาทำเลที่ดี ทั้งจะชะลอการตุนเรื่องที่ดินไว้ก่อน เพราะต้องการปรับลดค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกันอยากให้รัฐออกมาตรการมากระตุ้นภาพรวมมากกว่านี้ และผ่อนผันเกณฑ์เครดิตบูโร แก้ปัญหารีเจ็กต์เรตสูง”
“เมื่อเจอวิกฤติ ต้องดูสภาพคล่องก่อน เราบริษัทไม่ใหญ่ ใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการพื้นที่ ขยายทำเลออกไปให้เยอะขึ้น เพื่อให้ยอดขายไม่ตก พร้อมเสริมด้วยการขยายธุรกิจประเภทรายได้ประจำ เช่น มอลล์ ตลาดนัด และแม้ต่อให้ตลาดปีนี้ไม่ดี แต่เรายังคงมีแผนพัฒนาต่อ เพราะเรามองข้ามช็อตไปยังปีต่อไปแล้ว โดยจากปัจจัยราคาที่ดินที่นิ่ง เป็นโอกาสตุนที่ดิน เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการปีต่อๆไป วิสัยทัศน์ของผู้บริหารเป็นสิ่งสำคัญ ต้องพร้อมปรับตัว”
หน้า 27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,539 วันที่ 12-15 มกราคม 2563