‘สำนักงานนอกไทย’  ประตูบานใหม่ ไรมอน แลนด์

07 พ.ย. 2562 | 23:30 น.

คอลัมน์ผ่ามุมคิด

ไรมอน แลนด์ กลุ่มทุนสิงคโปร์ มองไกลไม่หยุดแค่ไทย ปั้นแผนรุกหนักตลาดเอเชีย เคาะสำนักงานขายแห่งแรกในสิงคโปร์ ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ คงเบอร์ 1 มาร์เก็ตแชร์สูงสุดในกลุ่มคอนโดฯลักชัวรี หัวเรือใหญ่ ไลโอเนล ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) ระบุมีเป้าหมายใหญ่ 5 ปี รายได้ 1 หมื่นล้านบาท ไม่หวั่นปัจจัยกดดัน เปรียบตนเองเป็นรถเบนซ์ มีครบทุกซีรีส์ ตลาดยิ่งแย่ ยิ่งง่ายต่อการทำธุรกิจ จ่อเปิดประตูใหม่ๆ รับโอกาส

อสังหาฯไทยดุ

มุมมองต่อสถานการณ์ตลาดอสังหาฯไทย มีความผันผวนสูง จากภาวะเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าโลกจีน-สหรัฐฯ และการประท้วงทั้งในยุโรปและฮ่องกง รวมถึงปัจจัยภายในประเทศที่ส่งผลต่อกำลังซื้อคนไทยและนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ดีเวลอปเปอร์ต้องแข่งขันกันรุนแรง โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม พบการดิ้นเอาตัวรอดในรูปแบบต่างๆ เช่น ผู้พัฒนาโครงการในกลุ่มราคาจับต้องได้ ก็พยายามขยับไปจับตลาดบนกันมากขึ้น เพื่อหาโอกาสการขาย เป็นผลโดยตรงกับบริษัท ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการกลุ่มลักชัวรี จึงต้องการยกระดับการพัฒนาโครงการเพื่อให้หลุดจากเรด โอเชียน ไปสู่อัลตร้าลักชัวรีเต็มตัวในอนาคต และเพิ่มความแตกต่างของโปรดักต์ ผ่านส่วนกลาง และเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่กังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวมากนัก เพราะทุกวิกฤติเป็นโอกาส ยิ่งตัวเลือกน้อย ยิ่งง่ายต่อการรุก

รุกตลาดเอเชีย

ทั้งนี้ นายไลโอเนล กล่าวว่า แม้ตลาดไทยจะแย่ แต่ข้อมูลจาก ธปท. ระบุ อสังหาฯไทย ยังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศในทุกปี เพราะระดับราคาไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในโซนเอเชีย ซึ่งมีกำลังซื้อสูงซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มดังกล่าว 32% อันดับ 1 (74%) เป็นชาวจีน, ฮ่องกง รองลงมา คือ สิงคโปร์ (12%) และอื่นๆ (13%) ดังนั้นจึงต้องการขยายฐานลูกค้าเอเชียให้มากขึ้น นำร่องผ่านการเปิดสำนักงานขายโครงการ

ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์เป็นแห่งแรกในสิงคโปร์ ย่าน มิดิคัล ฮับ แหล่งที่พักอาศัยแพงที่สุดในสิงคโปร์ เพื่อดึงดูดลูกค้าโดยตรง หลังพบผลสำรวจความมั่นคงของโลก คนสิงคโปร์มีการออมเงินติดอันดับต้นๆ และส่วนใหญ่เก็บเพื่อลงทุน ขณะเดียวกันการตีตลาดในสิงคโปร์ จะนำมาซึ่งลูกค้าในกลุ่มเอเชียอื่นๆด้วย

‘สำนักงานนอกไทย’  ประตูบานใหม่ ไรมอน แลนด์

ไลโอเนล ลี

การเปิดสำนักงานขายนอกไทย และเป็นแห่งแรกในสิงคโปร์ จะเพิ่มโอกาสในการขายโครงการให้เรา เพราะลูกค้าไปไทย อาจเจอตัวเลือกมาก แต่แบบนี้ลูกค้าจะโฟกัสโครงการเราโดยตรง ทั้งยังเพิ่มช่องทางการขายให้เอเยนต์ด้วย ขณะเดียวกันในสิงคโปร์ไม่ได้มีแค่ลูกค้าสิงคโปร์ แต่มีความหลากหลาย ครอบคลุมชาติอาเซียนด้วย

ทั้งนี้ กำลังติดตามสถานการณ์สงครามการค้าอยู่ ว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดลูกค้าต่างชาติอย่างไร โดยเฉพาะจีน ซึ่งเดิมถูกวางเป้าหมายไว้ว่าจะรุกเป็นตลาดแรก

 

เบอร์ 1 ลักชัวรี

ส่วนกุญแจความสำเร็จในการทำธุรกิจ เบื้องต้นยังยึดมั่นการเป็นดีเวลอปเปอร์ ที่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี ถึง อัลตร้าลักชัวรี ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ที่ผ่านมา 32 ปี พัฒนาโครงการมาแล้ว รวมมูลค่า 6.5 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าภายใน 2 ปี มูลค่าการพัฒนาโครงการจะสูงขึ้นนับเท่าตัว ขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านโปรเจ็กต์แบรนด์ใหม่ๆ เพื่อให้แต่ละโปรดักต์มีเอกลักษณ์ ชัดเจน เน้นทำเลในเมือง ชูการออกแบบ ดีไซน์เหนือคู่แข่ง เช่น ลูกค้าสามารถปรับฟังก์ชันตามแบบที่ต้องการได้ ขณะเดียวกันให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและวัสดุ โครงสร้างที่มีความประณีต เพื่อคงความเป็นเบอร์ 1 ในตลาดคอนโดฯ ที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุด 13.2% จากหน่วยรวมในตลาดทั้งหมด 9,840 หน่วย โดยอนาคตตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นอีก

เรามีลักชัวรีโปรเจ็กต์ทุกรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า เปรียบเทียบเป็นรถเบนซ์ มีครบทุกซีรีส์ เช่น แบรนด์ ลอฟท์ เป็น C คลาส, เทตต์ เทวลฟ์ เป็น E คลาส และแบรนด์ ดิ เอสเทลล์ เป็น S คลาส เป็นต้น

‘สำนักงานนอกไทย’  ประตูบานใหม่ ไรมอน แลนด์

 

พอร์ตแข็งแรง

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของ ไรมอน แลนด์ ในระยะยาว ตั้งเป้าหมายรายได้ช่วง 5 ปีข้างหน้าไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท โดยจะมีรายได้จากการขาย 70% และ Recurring income (รายได้ที่เกิดขึ้นประจำ) สัดส่วน 30% หรือ แตะ 3 พันล้านบาท ในปี 2566 จากอาคารสำนักงานให้เช่าและ โรงแรม (เป้า 5 ปี 1,000 ห้อง) เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยว ส่วนแผนเปิดโครงการคอนโดฯใหม่ ในทุกๆ ปีจะอยู่ที่ 2 โครงการมูลค่ารวมไม่ตํ่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งปีหน้าเตรียมพัฒนาโครงการรูปแบบมิกซ์ยูสในต่างประเทศ 1 โครงการ และในไทยทำเลสุขุมวิท 38 อีก 1 โครงการมูลค่าเฉพาะในไทย 8.2 พันล้านบาท ขณะเดียวกันกำลังศึกษารูปแบบการพัฒนาโครงการใจกลางสุขุมวิท อีก 1 โครงการ ตามงบลงทุนทั้งหมด 2-3 หมื่นล้านบาท ควบคู่กับการขยายธุรกิจร้านอาหารทั้งในไทยและต่างประเทศด้วย นอกจากนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในกลุ่มธุรกิจเวลล์เนส ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุด้วย

ตลาดขายแย่ มองหารายได้ส่วนอื่นมาทดแทน โรงแรม เวลล์เนส (บ้านพักคนชรา) ที่จะเข้ามาในพอร์ตเพิ่มขึ้นเพราะเป็นตลาดที่นิ่ง มีโอกาสในการรุก

ทั้งนี้ สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการ One City Centre (OCC) อาคารสำนักงานให้เช่าเกรด A สูง 61 ชั้น ขนาดพื้นที่รวม 61,000 ตารางเมตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยในปี 2565 และสร้างรายได้จากค่าเช่าประมาณ 1 พันล้านบาทต่อปี