ทุนไต้หวันเชื่อ  ไทยติดอันดับ  ทำเลน่าลงทุน   

08 พ.ย. 2562 | 04:00 น.

พีทีเอฟ เรียลตี้ กลุ่มทุนไต้หวัน มั่นใจตลาดอสังหาฯไทย ชี้ กทม. ยังดึงดูดนักลงทุนทั่วโลก เดินเกมเคาะราคาคอนโดฯ แข่งโซนเศรษฐกิจกับดีเวลอปเปอร์ไทย ขณะจ่อปักธงแนวราบโซนลาดพร้าว รับอานิสงส์รถไฟฟ้าสายสีเหลือง พร้อมแนะรัฐเลิก LTV ก่อนตลาดล้มสลาย

 

นายถงหยุ่ย โทนี่ ยิ่ง กรรมการผู้บริหาร บริษัท พีทีเอฟ เรียลตี้ (2018) จำกัด ในเครือ พีทีเอฟ เรียลตี้ กลุ่มทุนจากประเทศไต้หวัน ยืนยันว่าบริษัทยังคงจะเดินหน้าลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ผ่านมา เข้ามาบุกตลาดแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวา ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รวมโครงการคอนโดมิเนียมที่พัฒนาแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างการขาย 5 โครงการ มูลค่า 6.6 พันล้านบาท เช่น เดอะราชดำริ, เมแฟร์ เพลส สุขุมวิท 64 และ ล่าสุดเพิ่งเปิดตัวโครงการเมแฟร์ เพลส วิคทอรี่ โมนูเมนต์ (อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) เนื่องจากเชื่อว่าตลาดอสังหาฯไทยยังมีแนวโน้มที่ดีในระยะยาว แข็งแกร่ง แม้ขณะนี้ตกอยู่ในภาวะชะลอตัวตามทิศทางเศรษฐกิจโลก และมีจำนวนซัพพลายเข้ามาในตลาดค่อนข้างมาก

ถงหยุ่ย โทนี่ ยิ่ง

 

คาด 1-2 ปี น่าจะปรับสมดุล และฟื้นตัวดีขึ้น ขณะเดียวกันพบผู้บริโภคยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย และประเทศไทยโดยเฉพาะ กรุงเทพฯ ยังเป็นทำเลที่น่าสนในจากนักลงทุน เมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาคเดียวกัน เนื่องจากเป็นศูนย์กลางในแง่เศรษฐกิจ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการเมืองของภูมิภาค ซึ่งสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้อย่างดี ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย กลายเป็นโอกาส เพราะนักลงทุนจะมองการลงทุนในตลาดที่มีมูลค่า โดยตลาดอสังหาฯ เป็นอันดับแรกๆ ที่นึกถึง

 

“ตลาดโลก เศรษฐกิจไม่ดี ลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยง ขณะที่ลงทุนในกองทุน ผลตอบแทนก็ต่ำ แม้ขณะนี้อสังหาฯ อาจไม่ดีนัก แต่มูลค่ายังคงอยู่ เป็นช่องทางการลงทุนที่ดีที่สุด ซึ่งจะกลายเป็นโอกาสของตลาดไทยด้วย เพราะนั่นคือดีมานด์

 

 

นอกจากนี้ยังกล่าวว่าที่ผ่านมาบริษัทเจาะพัฒนาโครงการคอนโดฯ หลากหลายราคาตามโลเกชัน ตั้งแต่ 3 -20 ล้านบาท เฉลี่ยการลงทุน 2 ปี ต่อ 1 โครงการ ขนาดโปรเจ็กต์ไม่เกิน 200 หน่วย ผ่านการร่วมลงทุนกับนักลงทุนคนไทยเป็นหลัก และนักลงทุนรายย่อย เช่น คนจีน ฮ่องกง และไต้หวันด้วยกันเอง โดยในทุกโครงการมียอดขายที่น่าพอใจ ถึงแม้ตลาดคอนโดฯ มีดีมานด์ดี แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เจอปัจจัยภายนอกกดดัน ภาพรวมการแข่งขันสูง แต่การขายออกเป็นไปอย่างช้าๆ จึงเริ่มมองโอกาสไปยังตลาดแนวราบ ในกลุ่มบ้านเดี่ยว หรือ ทาวน์เฮาส์ เป็นการปรับตามพฤติกรรมของลูกค้าที่ให้ความสำคัญไปที่ราคาและความคุ้มค่าเป็นหลัก โดยปัจจุบันกำลังสรรหาที่ดินในโซนลาดพร้าว ซึ่งกำลังจะมีรถไฟฟ้าสายใหม่ตัดผ่าน เส้นทางสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) คาดจะมีดีมานด์เกิดขึ้นคึกคัก โดยชูกลยุทธ์ด้านราคา เจาะไปยังราคาที่เป็นช่องว่างของตลาด เช่น 5-6 ล้านบาท หวังทดแทนความต้องการในกลุ่มคอนโดฯ ราคาระดับเดียวกัน

ทุนไต้หวันเชื่อ  ไทยติดอันดับ  ทำเลน่าลงทุน   

 

อย่างไรก็ตาม มีความกังวล เรื่องมาตรการภายในประเทศ เกี่ยวกับการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (LTV) ว่าอาจจะซ้ำรอยผลกระทบที่เกิดขึ้น เหมือนเช่นตลาดของจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ในอดีต

 

อดีต 15-20 ปี มาตรการนี้รัฐบาลจีน ฮ่องกง หรือแม้แต่ไต้หวันเคยนำมาใช้เหมือนกัน แต่ประสบความล้มเหลวอย่างมาก ไม่เห็นด้วยและไม่อยากให้เกิดกับไทย เพราะรัฐบาลเองควรเปลี่ยนมาสนับสนุนกำลังซื้อในประเทศมากกว่ากดดัน เนื่องจาก LTV สร้างผลกระทบให้ตลาดแล้ว

 

ทั้งนี้ บริษัท พีทีเอฟ เรียลตี้ฯก่อตั้งด้วยทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท เป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ทั้งคอนโดฯ ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ อาคารสำนักงาน และศูนย์การค้าทั้งในประเทศไต้หวัน จีน และสหรัฐอเมริกา ขณะในไทยลงทุนพัฒนามาแล้วกว่า 10 ปี รวมมูลค่าโครงการ 5.4 พันล้านบาท

หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,520 วันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2562 

                       ทุนไต้หวันเชื่อ  ไทยติดอันดับ  ทำเลน่าลงทุน