TOAลั่นแชมป์ตลาดสีอาเซียน ชูผลิตภัณฑ์คุณภาพ/ตั้งเป้ารายได้ปี59 กว่า 1.6 หมื่นล้านบ.

01 เม.ย. 2559 | 13:00 น.
ทีโอเอ ลั่นแบรนด์สีอันดับหนึ่งในอาเซียน เปิด 3 กลยุทธ์เติบโตอย่างยั่งยืน เข้าถึงความต้องการผู้บริโภค ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและนวัตกรรมสีระดับโลก ปี 59 ตั้งเป้ารายได้รวมกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท เติบโต 12%

[caption id="attachment_41742" align="aligncenter" width="503"] ส่วนแบ่งการตลาดสีในเอเซียน ส่วนแบ่งการตลาดสีในเอเซียน[/caption]

นายพงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2558 ที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์เป็นที่น่าพอใจ โดยเติบโตแบบทรงตัวสามารถทำรายได้รวม 1.65 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดในประเทศประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท และตลาดอาเซียนสามารถดันยอดรายได้ถึง 2.5 พันล้านบาท โดยสรุปปี 2558 รายได้รวมเติบโตจากปี 2557 เล็กน้อยประมาณ 3% โดยที่ตลาดต่างประเทศมีอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดในประเทศอย่างมากระดับสูงกว่า 10% ขณะที่ในประเทศไทยเติบโตเพียง 1-2% เท่านั้น

"ใน 3-4 ปีที่ผ่านมาตลาดต่างประเทศมีการเติบโตสูงกว่าในประเทศ มาจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคถดถอย สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ อีกทั้งยังประสบปัญหาภาวะภัยแล้ง แต่ทีโอเอกระตุ้นตลาดด้วยการสร้างกิจกรรมตลอดทั้งปีเพื่อสร้างความคึกคักให้ตลาด"

ส่วนปี 2559 มองว่าตลาดสีมีการเติบโตสูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยทีโอเอตั้งเป้ารายได้จากตลาดในประเทศถึง 1.5 หมื่นล้านบาท และรายได้จากตลาดอาเซียนประมาณ 3 พันล้านบาท รวมมูลค่าของทั้งสองตลาดเท่ากับ 1.8 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตในภาพรวมสูงถึง 12% แบ่งเป็นตลาดในประเทศเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 7% ขณะที่ตลาดต่างประเทศตั้งเป้าเติบโตถึง 20%

สำหรับ 3 เดือนแรกปี 2559 รายได้ของทีโอเอใกล้เคียงเป้าหมายที่วางแผนไว้ ถึงแม้ตลาดในภาพรวมจะไม่ค่อยคึกคัก โดยปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้ตลาดมีการเติบโตมี 1.ภาครัฐสนับสนุนการลงทุนโครงข่ายคมนาคม ทั้งระบบรางและถนน ซึ่งส่งผลต่อเนื่องถึงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ 2.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะมาตรการทางภาษีสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3. ตลาดอสังหาฯมีการเติบโต จากการที่ดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำมองว่าปีนี้จะเติบโต และ4. ตลาดต่างประเทศเติบโตภายใต้การผ่อนคลายกฎเกณฑ์ให้เอกชนได้ทำธุรกรรมมากขึ้น ส่วนนี้ทำให้ทีโอเอมีความมั่นใจที่จะลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น จากปัจจัยทั้งหลายดังที่กล่าวมาทำให้มีโอกาสมากที่ปี 2559 จะทำรายได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้คือ 1.8 หมื่นล้านบาท

"ปีนี้ทีโอเอตั้งเป้าจะผลักดันให้แบรนด์ทีโอเอเป็นเบอร์ 1 ในตลาดอาเซียน ด้วยประสบการณ์ที่อยู่ในตลาดสีของไทยและอาเซียนมานาน จนเป็นผู้รู้จริง เข้าใจตลาดและความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันทีโอเอมีมาร์เก็ตแชร์ในตลาดอาเซียน 13% เท่ากับสีดูลักซ์ และห่างจากนิปปอน เพนต์ที่มีอยู่ 14% เท่านั้น โดยปีนี้จะทุ่มสร้างโรงงานใน 2 ประเทศคือที่กัมพูชา และอินโดนีเซีย กับขยายโรงงานในเมียนมาเพิ่มอีก 1 แห่ง คาดว่าจะช่วยดันยอดการเติบโตตลาดต่างประเทศถึง 21% ต่อปี"

นอกจากขยายโรงงานในต่างประเทศแล้ว ทีโอเอยังมีกลยุทธ์สร้างความยั่งยืนของธุรกิจ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1. การรู้จักและเข้าใจความต้องการของลูกค้า ซึ่งลูกค้าครอบคลุมทั้งผู้บริโภค ร้านค้า และผู้เชี่ยวชาญ เช่นช่างสี วิศวกร ฯลฯ 2.สินค้าคุณภาพที่มีนวัตกรรมระดับโลก ควบคู่กับการขยายตลาดให้แข็งแกร่งในอาเซียน และ 3 . ต้องเป็นเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรมสีของประชาคมอาเซียน

"ช่องทางขายร้านค้าปลีกถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเรา ต้องให้กลุ่มนี้อยู่ได้อย่างแข็งแรง จะมีการพัฒนา ตั้งเครื่องผสมสี บางร้านมีพีซีให้คำแนะนำสินค้า เพื่อรองรับการแข่งขันกับโมเดิร์นเทรด ปัจจุบันทีโอเอมีร้านค้ากระจายทั่วประเทศรวม 5,700 ร้าน"

ด้าน นางสาวพวงเพ็ญ แสงเพชร ผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า สำหรับตลาดสีในประเทศไทยทีโอเอยังคงครองแชมป์เป็นเจ้าตลาดสีทาอาคารด้วยสัดส่วนถึง 48% จากมูลค่ารวมกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ในประเทศมาจาก 2 กลุ่มสินค้าใหญ่ๆ คือ กลุ่มสีทาอาคาร มีรายได้ถึง 73% และกลุ่มสีอื่นๆ อีกประมาณ 27% รวมมูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านบาท พร้อมเผยกลยุทธ์การเติบโตด้วยการรักษาตำแหน่งเบอร์หนึ่งตลาดสีทาอาคาร ผลักดันยอดขายกลุ่มสินค้าสีอื่นๆให้เติบโตอีก 9% จากมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท และการขยายช่องทางการจัดหน่ายในห้างโมเดิร์นเทรดให้เพิ่มยอดขึ้นอีก 14% โดยร้านค้ารีเทลยังคงเป็นช่องทางหลักที่สร้างรายได้ให้ทีโอเอกว่า 80% ซึ่งภาพรวมตลาดในประเทศถือว่ามีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 8% ต่อปี"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,144
วันที่ 31 มีนาคม - 2 เมษายน พ.ศ. 2559