แลนดี้โฮมลั่นไม่แข่งตัดราคา รุกพัฒนามาตรฐานสินค้า/คุณภาพสู้แข่งเดือด

27 ม.ค. 2559 | 09:00 น.
ผู้บริหารเจน 2 แลนดี้โฮม ลั่นรุกรับสร้างบ้านปี’59 เต็มสูบ ตั้งเป้าโต 5% พร้อมทุ่มงบกว่า 50 ล้าน กระตุ้นตลาดหวังสร้างอารมณ์จับจ่ายใช้สอย เดินหน้าพัฒนาสินค้าต่อเนื่อง ชูระบบปฏิบัติการที่มัดใจลูกค้า

นางสาวพรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึง สถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านปี 2559 ว่า ตลาดจะมีอัตราการขยายตัวเล็กน้อย สืบเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว แต่ยังมีปัจจัยบวกจากภาครัฐมาช่วย ผ่านการอัดฉีดงบประมาณสู่โครงการเมกะโปรเจ็กต์ ขณะที่ราคาน้ำมันก็ปรับลดลง ทำให้ต้นทุนการก่อสร้างด้านขนส่งปรับลดตามไปด้วย

สำหรับการแข่งขันของตลาดรับสร้างบ้านถือว่าค่อนข้างรุนแรง ด้วยการใช้กลยุทธ์ด้านราคาเป็นตัวนำ แต่ในส่วนของบริษัทไม่มีนโยบายการแข่งขันทางด้านราคา เพราะเห็นว่าการตัดราคาถือเป็นการลดมาตรฐานคุณภาพงานก่อสร้างและการบริการทางอ้อม ดังนั้นส่วนของแผนดำเนินงานในปี 2559 บริษัทตั้งเป้าเติบโตด้านรายได้ที่ประมาณ 5% เท่ากับปี 2558 ซึ่งมีรายได้ 1 พันล้านบาท สืบเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว

ด้าน นางสาวภัทรา มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและออกแบบผลิตภัณฑ์ กล่าวเสริมถึงแผนการตลาดว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาแบบบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้นำเสนอที่อยู่อาศัยแบบ Multi Family ซึ่งเป็นแบบบ้านที่ตอบสนองความต้องการของครอบครัวขนาดใหญ่ พร้อมชูจุดเด่นด้านนวัตกรรมการก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูป Nova System ที่พัฒนาเพื่อรองรับแบบบ้านที่มีโครงสร้างเสาและคานขนาดใหญ่ พร้อมกันนี้ได้ตั้งงบการตลาดกว่า 50 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นให้ตลาดรับสร้างบ้านคึกคักยิ่งขึ้น ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ตลอดจนโปรโมชันพิเศษ นอกจากนี้ยังเตรียมพร้อมตอบรับกระแสการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน โดยนำกลยุทธ์ด้านดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง เข้ามาใช้เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลของบริษัท ได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

ส่วนของกิจกรรมการตลาดจะมุ่งเน้นการทำการตลาดแบบเชิงรุกมากขึ้น ด้วยการออกบูธแนะนำสินค้าตามงานหรือห้างสรรพสินค้า เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง แทนการให้ลูกค้าเข้ามาสอบถามที่บริษัทเหมือนในอดีต พร้อมกับพัฒนาแบบบ้านให้ครอบคลุมทุกระดับราคา ปัจจุบันมีแบบบ้านที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งแบบบ้านขนาดกลาง ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “เทรนดี้ โฮม (Trendy Home) ” ที่มีสัดส่วน 35% ของยอดขาย แบบบ้านขนาดกลาง ระดับราคา 5-15 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่า 50% ของยอดขาย ตลอดจนแบบบ้านขนาดใหญ่ระดับราคา 15-40 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “แลนดี้ ลักซ์ชัวรี่ (Landy Luxury)” คิดเป็นมูลค่า 15% ของยอดขาย

ขณะที่ นายพานิช มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายก่อสร้างและบริหารสำนักงาน กล่าวว่า ธุรกิจรับสร้างบ้าน ถือเป็นงานบริการรูปแบบหนึ่งที่ต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว ดังนั้น บริษัท จึงต้องพร้อมพัฒนาทุกขั้นตอนของงานก่อสร้าง ให้สามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าในทุกจุดของการบริการ ด้วยการนำระบบปฏิบัติการ LECM (Landy Enterprise Center Management) เข้ามาควบคุมการบริการ ตลอดจนติดตามขั้นตอนการก่อสร้างให้ลูกค้าได้ทราบแบบเรียลไทม์ในทุกขั้นตอน พร้อมแจ้งเตือนโดยตรงไปยังทีมวิศวกร เมื่อตรวจพบว่าอาจเกิดข้อผิดพลาดก่อนที่จะเกิดปัญหา ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวจะถูกพัฒนาควบคู่ไปพร้อมๆกับระบบ Work Flow ซึ่งเป็นระบบการดำเนินงานด้านเอกสารภายใน ด้วยการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน ผ่านการควบคุมด้วยมาตรฐานการจัดการ ISO :9001 : 2008 สามารถสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าว่าบ้านทุกหลังถูกก่อสร้างด้วยทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์ และการบริหารจัดการที่มีคุณภาพ ตลอดจนนวัตกรรมโครงสร้างกึ่งสำเร็จรูป Nova System ที่ได้มาตรฐาน แข็งแรง ทนทานในระดับสากล

“บริษัทคำนึงถึงการสร้างผลงานที่ดี ภายใต้แนวคิดในการทำงานที่ว่า “บ้านของคุณคือบ้านของเรา” ไม่มีปัญหาทิ้งงาน ไม่ลดคุณภาพวัสดุ แม้ว่าปัจจุบันราคาของวัสดุในตลาดจะถีบตัวสูงขึ้น เพราะบริษัทเข้าใจดีว่า ผู้บริโภคยุคใหม่มีความคาดหวังสูง หากบริษัท ขาดความพร้อมไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรัพยากร การบริการมาตรฐาน อาจส่งผลกระทบที่รุนแรงให้กับบริษัท ได้ในอนาคต” นายพานิช กล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,125 วันที่ 24 - 27 มกราคม พ.ศ. 2559