LPNขยายฐานรับลูกค้าสูงวัย ลุยเปิด10โครงการใหม่กว่า1.7หมื่นล.ย้ำขอโตอย่างยั่งยืน

15 ม.ค. 2559 | 03:00 น.
แอล.พี.เอ็น. เปิดศักราชใหม่ ประกาศ 3 ทศวรรษเติบโตยั่งยืน ตั้งเป้าเปิด 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.76 หมื่นล้านบาท พร้อมขยายฐานกลุ่มลูกค้าวัยเกษียณเพิ่ม 10% ภายใต้กลยุทธ์ “Episode 2” ชุมชนน่าอยู่สำหรับคนทุกวัย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยทุกช่วงวัย ครอบคลุมตั้งแต่สินค้า-บริการหลังการขาย ประเดิมโครงการแรกที่บางแวก มูลค่า 2 พันล้าน

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2559 ว่า บริษัทตั้งเป้าการเติบโต 15% โดยตั้งเป้ารายได้จากการขายและยอดขายไว้ที่ 1.76 หมื่นล้านบาท และมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่า 1.76 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ทั้งสิ้น 1.1 หมื่นล้านบาท หรือมากกว่า 60% จากเป้ารายได้ ในส่วนของโครงการในแนวราบที่พัฒนาโดยบริษัท พรสันติ จำกัด ได้ตั้งเป้าเปิดตัว 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2.5 พันล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมีโครงการพร้อมโอนในปี 2559 จำนวน 9 โครงการ แบ่งเป็นโครงการที่จะโอนในไตรมาส 1/59 รวม 3 โครงการ จำนวน 7,466 หน่วย มูลค่ารวม 6.1 พันล้านบาท ประกอบด้วย ลุมพินี คอนโดทาวน์ ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ , ลุมพินี พาร์ค นวมินทร์-ศรีบูรพา และลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 (เฟส 2) สำหรับโครงการที่จะโอนในไตรมาส 2/59 รวม 3 โครงการ จำนวน 2,191 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 6.1 พันล้านบาท ประกอบด้วย เดอะ ลุมพินี 24 , ลุมพินี พาร์ค เพชรเกษม 98 (เฟส 1) และลุมพินี พาร์คบีช ชะอำ ในส่วนของไตรมาส 3/59 จะมีโครงการที่โอนจำนวน 1 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 2 พันล้านบาท ได้แก่ ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 (เฟส 3) และในไตรมาส 4/59 จำนวน 2 โครงการ จำนวน 3,585 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 6.1 พันล้านบาท ประกอบด้วย ลุมพินี วิลล์ นครอินทร์-ริเวอร์วิว และ ลุมพินี มิกซ์ เทพารักษ์-ศรีนครินทร์

กลยุทธ์หลักในปี 2559 เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในทศวรรษที่ 3 นี้ บริษัทจะมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าในกลุ่มผู้เกษียณอายุให้ได้อย่างน้อย 10% ในปีนี้ เนื่องจากประเทศกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประกอบกับที่ผ่านมาบริษัทมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายคนวัยทำงานที่มีช่วงอายุ 25-40 ปี ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนของลูกค้ากลุ่มนี้ในปริมาณมาก จึงอยากจะขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอื่นเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มีการขยายตัวของคนกลุ่มนี้ในโครงการต่างๆของบริษัทเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์ “Episode 2” ชุมชนน่าอยู่สำหรับคนทุกวัย ต่อจาก “ชุมชนน่าอยู่” ปัจจุบันบริษัทมีลูกบ้านทั้งสิ้น 1.83แสนคน แบ่งเป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน 4.6 พันคน กลุ่มวัยทำงาน 1.76 แสนคน และกลุ่มผู้สูงอายุ 2.4 พัน คน

“ด้วยประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์บนพื้นฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืน เชื่อมั่นว่าแผนงานดังกล่าวจะบรรลุตามเป้าหมายและยังคงรักษาการเติบโตของผลประกอบการได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ จากการวิจัยและพัฒนาข้อมูลเชิงลึกของบริษัท จึงได้ต่อยอดและพัฒนาจุดแข็งของแบรนด์ “ลุมพินี” ด้วยกลยุทธ์ “ชุมชนน่าอยู่สำหรับคนทุกวัย” ภาคต่อจากกลยุทธ์ “ชุมชนน่าอยู่” ที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้พักอาศัยทั้งวัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน และวัยสูงอายุซึ่งมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มพัฒนาในโครงการบางแวก บริเวณซอยพาณิชย์ธนบุรี ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนมกราคมนี้ มูลค่า 2 พันล้านบาท เพื่อสร้างสังคมคุณภาพภายในโครงการ ภายใต้วัฒนธรรมการอยู่อาศัย ร่วมใจ ห่วงใย แบ่งปัน”นายโอภาส กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมพัฒนารูปแบบสินค้าใหม่ ด้วยการพัฒนาห้องชุดแบบ 2 ห้องนอนในขนาดที่เล็กลง เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถเป็นเจ้าของได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีลูกค้าจำนวนมากต้องการแบบ 2 ห้องนอน เช่น ที่โครงการ ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต ราคาขายอยู่ที่ 6 หมื่นบาทต่อตร.ม. ขนาด 21 ตร.ม. ราคาขายอยู่ที่ 1.26 ล้านบาทต่อหน่วย หากต้องการแบบ 2 ห้องนอน ลูกค้าก็ต้องซื้อ 2 หน่วย เป็นเงิน 2.52 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง

ด้านมิติของการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม นอกจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่บริษัทให้ความเข้มข้นมากขึ้นแล้ว บริษัทยังดูแลคุณภาพชีวิตสตรีด้อยโอกาสจากการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) อย่างต่อเนื่อง การดำเนินแผนธุรกิจเช่นนี้ถือเป็นการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่มาจากกการบอกต่อถึง 50% ดังนั้นลูกค้าที่ซื้อคอนโดฯของแอล.พี.เอ็น.ต้องคุ้ม ทั้งในเรื่องของการลงทุนหรือพักอาศัย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,122 วันที่ 14 - 16 มกราคม พ.ศ. 2559