รุกธุรกิจหลังการขาย อสังหาฯต่อยอดรายได้-สร้างแบรนด์

10 มิ.ย. 2560 | 01:00 น.
อสังหาฯเดินหน้ารุกธุรกิจบริการหลังการขายเต็มสูบ หวังช่วยเสริมรายได้หลัก แถมบริหารจัดการได้ง่ายกว่า ออริจิ้น ลั่น 2-3 ปี ดึงบริษัทลูก พรีโม พร็อพเพอร์ตี้ โซลูชั่น เข้าตลาด หลังรายได้โตแบบก้าวกระโดด สร้างรายได้และการเติบโตอย่างยั่งยืน

ปัจจุบันบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำหลายรายหันมาขยายธุรกิจหรือบริษัทใหม่เกี่ยวกับบริการหลังการขาย (after sale services) ทั้งงานบริหารโครงการที่อยู่อาศัย ไม่เพียงโครงการที่บริษัทพัฒนาเองแล้ว ยังรับบริหารโครงการทั่วไป นอกจากนี้ยังมีงานซ่อมบำรุง จนถึงการรักษาความปลอดภัย เพื่อสร้างรายได้เสริมรายได้หลัก จากการขายอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งเป็นการควบคุมคุณภาพและภาพรวมโครงการให้อยู่ในสภาพดีในช่วงแรกๆ

[caption id="attachment_130975" align="aligncenter" width="503"] สุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย สุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย[/caption]

นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า การที่หลายบริษัทมีหน่วยเหลือขายเพิ่มมากขึ้นๆ การจัดตั้งบริษัทบริหารการขายสินค้าของตนเองย่อมดีกว่าให้โบรคเกอร์ขาย เพราะสามารถควบคุมราคาไม่ให้ต่ำเกินไป หรือสามารถทำกิจกรรมทางการตลาดจัดโปรโมชั่น ลดราคาในบางหน่วย หรือบริหารจัดการหน่วยเหลือขายเหล่านี้ได้แบบเต็มที่ นอกจากนี้การขายสินค้าเองยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับบริษัทอีกด้วย ทั้งยังสามารถเสนอขายเป็นล็อตหรือพร้อมกันหลายๆ ห้องให้กับนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติได้สะดวกมากขึ้นที่สำคัญการตั้งบริษัทเองสามารถรวบรวมฐานข้อมูลกลุ่มลูกค้าที่กำลังหาที่อยู่อาศัยได้แบบทั่วถึง

นอกจากนี้การที่เป็นตัวแทนขายให้กับผู้ซื้อทั่วไป ยังสามารถช่วยบริหารจัดการกรณีปล่อยเช่าทั้งการดูแลลูกค้าที่มาเช่า และการหาผู้เช่าให้กับผู้ที่ต้องการปล่อยเช่า รวมไปถึงยังได้รับรู้ความต้องการของตลาดจริงๆ ว่าผู้ที่ต้องการซื้อจริงหรือต้องการเช่าจริงนั้นมีความต้องการแบบใด เพื่อนำมาต่อยอดในการพัฒนาโครงการของบริษัท หลายๆ บริษัทยังได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อรองรับบริการหลังการขายทั้งการบริหารจัดการ การดูและรักษาหลังการขาย หรือการซื้อขายต่างๆ เรียกว่าพยายามเข้าถึงผู้ซื้อทุกๆ ช่องและทุกๆ บริการ

[caption id="attachment_129985" align="aligncenter" width="335"] พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)[/caption]

ด้านนายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายใน 2-3 ปี บริษัทมีแผนนำ บริษัท พรีโม พร็อพเพอร์ตี้ โซลูชั่น จำกัด เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทลูกให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บริการจัดหาผู้เช่าห้องชุดและบริการรับจ้างบริหารโครงการนิติบุคคลอาคารชุด

“เหตุที่นำเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพราะมองว่าธุรกิจนี้สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว และเป็นส่วนที่จะช่วยสร้างจุดแข็งให้กับบริษัท ปัจจุบัน บริษัท พรีโม พร็อพเพอร์ตี้ โซลูชั่น จำกัด มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องแบบเท่าตัว โดยในปี 2558 มีรายได้ที่ 20 ล้านบาท ปี 2559 มีรายได้ 40 ล้านบาท คาดว่าในปี 2560 จะมีรายได้ที่ 80 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าเมื่อจะเข้าตลาดบริษัทพรีโม พร็อพเพอร์ตี้ โซลูชั่น จำกัด จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 300-400 ล้านบาท และมีกำไรประมาณ 50 ล้านบาท”

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2560 วางรากฐานการรุกธุรกิจบริการหลังการขาย โดยมุ่งเป้าเป็น “Your Digital Butler”เน้นเรื่องนวัตกรรมและการบริการหลังการขาย มาเป็นปัจจัยที่ 4และปัจจัยที่ 5 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ภายใต้แนวคิดการดำเนินการ 4 เรื่อง ได้แก่1. การตอบโจทย์ชีวิตดิจิตอลด้วยเซอร์วิสแอพพลิเคชั่น 2. การเป็นมากกว่าคอนโดมิเนียมด้วยบริการระดับโรงแรม 3. การจับมือกับพันธมิตรเพื่อมอบสิทธิพิเศษในการใช้ชีวิตให้แก่ผู้อยู่อาศัย ล่าสุด ร่วมกับบริษัทบางกอก สมาร์ท การ์ด ซิสเท็มจำกัด (BSS) ผู้ให้บริการบัตรแรบบิท จัดทำบัตร ORIGIN Family Club Card บัตรเดียวใช้ได้กับคอนโดมิเนียม และรถไฟฟ้า BTS4.การดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิ ภาพ

[caption id="attachment_154085" align="aligncenter" width="335"] คุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์_CEO SC ASSET ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)[/caption]

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า จากการวิจัย brand health check ตลอดหลายปีที่ผ่านมา 1 ในเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับลูกค้าคือ เรื่องคุณภาพของบริการหลังการขาย ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญมาโดยตลอด เพราะบริการหลังการขายเป็นปัจจัยที่ลูกค้าให้น้ำหนักอย่างมากในการตัดสินใจเลือกซื้อบ้านในปี 2562 บริษัทมีเป้าหมายจะทำรายได้ที่ 2 หมื่นล้านบาทมีลูกค้าที่โอนกรรมสิทธิ์แล้วรวมกว่า 16,000 ครอบครัว

เพื่อให้คุณภาพของบริการหลังการขายเติบโตไปพร้อมกับปริมาณของลูกค้า จึงเดินหน้ารุกในธุรกิจใหม่เรื่องบริการหลังการขาย โดยจัดตั้งบริษัท เอสซี เอเบิล จำกัด ขึ้นบริหารจัดการงานซ่อมทั้งหมดของที่อยู่อาศัยของเอสซี แอสเสทฯที่อยู่ในระยะรับประกัน นอกจากนี้ยังภารกิจอบรมพัฒนาช่างที่มีฝีมือแบบมืออาชีพ ด้วยการเปิดAble Academyสถาบันอบรมพัฒนาช่างฝีมือ และอบรมทีมรักษาความปลอดภัย (รปภ.)ที่ดูแลความปลอดภัยให้โครงการภายใต้เอสซีทั้งหมด
อีกหนึ่งการรุกที่สำคัญคือ เอสซี เอเบิลได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่เป็นสตาร์ทอัพคือ ฟิกซิ(Fixzy) เป็นแอพพลิเคชั่นรวบรวมสารพัดช่างอันดับหนึ่งของประเทศไทย ช่างบนแพลตฟอร์มของ Fixzyจะได้รับการฝึกพัฒนาจาก Able Academy ในขณะที่เอสซี เอเบิลจะมีช่างคุณภาพจำนวนมาก เพื่อดูแลลูกค้าของSC พร้อมกับสร้างมาตรฐานใหม่ของการบริการหลังการขายของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

[caption id="attachment_157893" align="aligncenter" width="451"] รุกธุรกิจหลังการขาย อสัลักงหาฯต่อยอดรายได้-สร้างแบรนด์ รุกธุรกิจหลังการขาย อสัลักงหาฯต่อยอดรายได้-สร้างแบรนด์[/caption]

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,268 วันที่ 8 - 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560