วิรัช ยอมรับ ม.144,185 ชนวน "ส.ว.คว่ำร่างรธน."พลังประชารัฐ

25 มิ.ย. 2564 | 06:33 น.

ประธานวิปรัฐบาล ยอมรับ'ม.144,185 ชนวนเหตุส.ว.คว่ำร่างรธน.พลังประชารัฐ ยันไม่เสียหน้า

วันที่ 25 มิ.ย. 64  นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการโหวตให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ที่ร่างของพรรคพลังประชารัฐถูกตีตกไปว่า น้อมรับทุกคำติติงที่สมาชิกวุฒิสภาให้ข้อสังเกตไว้ ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยจะมีร่างใดรางหนึ่งผ่านความเห็นชอบในวาระรับหลักการ และเป็นร่างของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่าน และมีเนื้อหาเรื่องระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ส.ส.เขต 400 และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คล้ายกับที่พรรคพลังประชารัฐเสนอไว้ด้วยในร่างแรกยอมรับเห็นใจนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เจ้าของร่างฯ และนายวิรัชในฐานะประธานวิปรัฐบาล ได้หารือกับวิปเมื่อคืนว่าร่างที่ 13 ที่เสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์ให้ผ่านในร่างนี้ ในวันอังคารที่ 29 มิถุนายนนี้ จะเป็นการประชุมกรรมาธิการนัดแรก คิดว่าจะใช้ระยะเวลาในชั้นแปรญัตติไม่นาน เชื่อว่าจะเดินหน้าไปได้
 

ทั้งนี้ไม่มองว่าเป็นการเสียหน้า หลังจากที่ร่างของพรรคพลังประชารัฐที่ ไม่ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภาแม้แต่คนเดียว แต่ดูในภาพรวมการโหวตมีหลายร่างที่ได้คะแนนกว่า 400 คะแนน แม้ร่างของพรรคไม่ผ่านตอนนี้ก็ต้องเดินหน้าต่อพร้อมยอมรับการแก้มาตรา 144 และ มาตรา185 เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบ และยอมรับการโหวตของ ส.ส.พรรคให้ความเห็นชอบร่างตัดอำนาจ ส.ส.ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี อาจเป็นปฏิกริยาโตกลับอย่างหนึ่ง ซึ่งบีบบังคับ ส.ส.ไม่ได้ โดยไม่ได้เป็นความของผู้ใหญ่ แต่ไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บ เพราะหากพูดเยอะอาจทำให้เกิดความบาดหมางกัน แต่ต้องเดินหน้าสมานท์ฉันท์ดูแลไม่ให้เกิดรอบร้าวทั้ง 2 สภา
ส่วนร่างที่ถูกตีตกไปนั้นจะส่งผลต่อ ร่างของภาคประชาชนหรือไม่ขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภาพิจารณาบรรจุ และในฐานะสมาชิกรัฐสภาพร้อมพิจารณา
 

ทั้งนี้นายวิรัช ยืนยัน ไม่รับตำแหน่งประธานกรรมาธิการ เพราะมีหลายภารกิจ แต่จะเข้าไปให้คำแนะนำในฐานะกรรมาธิการชุดนี้ เรื่องการแก้ไขบัตร 2 ใบ และการเลือกตั้ง 400 เขต จากประสบการณ์ที่มี โดยพรรคพลังประชารัฐจะเสนอ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธานกรรมาธิการด้วยเห็นว่ามีความเหมาะสมรอบคอบ และเชื่อว่าจะพิจารณาในชั้นกรรมาธิการไม่นานคาดว่าไม่เกินหนึ่งเดือนก็จะกลับเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวาระที่ 2