ACT ไม่ไว้ใจ พปชร. แก้รธน.เปิดทาง ส.ส. ‘ล้วงลูก’งบประมาณ

24 มิ.ย. 2564 | 04:40 น.

ACT ไม่ไว้ใจ พปชร. แก้รธน.เปิดทาง ส.ส. ‘ล้วงลูก’งบประมาณ : รายงานหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,691 หน้า 10 วันที่ 27 - 30 มิถุนายน 2564

การประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้พิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 รายมาตรา จำนวน 13 ฉบับ

ในจำนวนนี้มี 1 ฉบับ ที่เป็นที่จับตาของสังคมว่า จะเป็นการเปิดโอกาสให้ “นักการเมือง” สามารถเข้าไปล้วงลูกการจัดทำงบประมาณของแผ่นดิน และอาจเปิดทางให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันขึ้นมาได้  

นั่นคือ การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 144 และ มาตรา 185 ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ผู้เสนอญัตติดังกล่าว ชี้แจงหลักการและเหตุผลในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐตั้งใจแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคพลังประชารัฐ และ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ขัดขวางแก้รัฐธรรมนูญไม่จริง เราจริงใจต่อการแก้รัฐธรรมนูญหากประเด็นใดแก้ไขแล้วเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่สร้างความขัดแย้ง หรือเป็นภาระงบประมาณแผ่นดินทำประชามติก็จะช่วยสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญให้ลุล่วงได้ เป็นการแสวงจุดร่วม สงวน จุดต่าง 

ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคพลังประชารัฐเสนอนั้นมี 5 ประเด็น โดยในประเด็นที่ 3. การแก้ไข มาตรา 144 ให้ตัดบทลงโทษ ส.ส. ส.ว. และกรรมาธิการ (กมธ.) ที่แทรกแซงการแปรญัตติงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นทางตรง หรือทางอ้อม แต่เมื่อมี ส.ว.ทักท้วงว่า การแก้ไขดังกล่าวทำให้หลักการตรวจสอบงบประมาณที่รัฐธรรมนูญปี 2560 เขียนไว้อย่างเข้มข้นสูญเสียไป

“ผมก็เห็นด้วยและรับปากว่า หากรับหลักการแก้ไขวาระ 1 แล้ว การพิจารณาในชั้น กมธ. ผม และ พรรคพลังประชารัฐ จะเสนอแก้ไข มาตรา 144 ให้คงหลักการเข้มข้นรัฐธรรมนูญปี 2560 ไว้ตามเดิม ให้สบายใจได้ แต่ขอหารือว่า ควรพิจารณาถึงเจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณที่ได้รับผลกระทบจากมาตรานี้ จะหาวิธีผ่อนคลายอย่างไร เพราะเจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณไม่กล้ามาเป็นกมธ.งบ เพราะกลัวเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงตาม มาตรา 144” นายไพบูลย์ ระบุ

พร้อมชี้แจงถึงการแก้ไขมาตรา 185 เรื่องการยกเลิกการห้าม ส.ส. ส.ว.เข้าไปแทรกแซง ก้าวก่ายการทำงานของข้าราชการ ที่ ส.ว.เป็นห่วงเช่นกันว่า จะทำลายหลักการการก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานของข้าราชการนั้น ก็รับปากว่า หากรับหลักการวาระ 1 จะไปผลักดันชั้น กมธ.ให้คงหลักการป้องกันการก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานข้าราชการไว้ตามเดิม แต่ขอเพิ่มเติมให้มีความชัดเจนขึ้น โดยยกเว้นกรณี ส.ส. ส.ว.ไปติดต่อหน่วยงานรัฐ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ไม่ให้ถือเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานหน่วยราชการ 

 

ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ชี้แจงว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีมติสนับสนุนญัตติแก้รัฐธรรมนูญ ทั้ง 13 ฉบับ เพราะมีหลักการที่ใกล้เคียงกัน ส่วนร่างของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีปัญหาต่อมาตรา 144 และ มาตรา 185 สามารถแปรญัตติแก้ไขให้เหมาะสมในวาระ 2

“การลงมติสนับสนุนไม่ใช่การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ แต่คือการแสวงหาความร่วมมือที่ไม่ขัดจุดยืน เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญบรรลุผลสำเร็จ เพราะต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของ 2 สภารวมกัน รวมถึงใช้เสียงร้อยละ 20 ของฝ่ายค้านและเสียง ส.ว. 1 ใน 3 สนับสนุนด้วย” นายจุรินทร์ ระบุ

 

ACT ไม่ไว้ใจ พปชร. แก้รธน.เปิดทาง ส.ส. ‘ล้วงลูก’งบประมาณ

 

อย่างไรก็ตาม แม้ พรรคพลังประชารัฐ โดย นายไพบูลย์ จะออกมารับปากว่า จะมีการปรับปรุงถ้อยคำ ใน มาตรา 144 และ มาตรา 185 ในชั้นกรรมาธิการ หากรับหลักการในวาระที่ 1 แล้ว แต่ท่าที่ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACTโดย นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กร กลับมีความไม่ไว้วางใจ

 

“เป็นเรื่องที่ไว้ใจไม่ได้ เนื่องจากในชั้นกรรมาธิการแปรญัตติ อาจมีการอ้างได้ว่าไม่สามารถแก้ไขให้ผิดไปจากหลักการที่ได้รับรองในวาระที่ 1 แล้ว ดังนั้น ทางที่ดี ต้องไม่รับหลักการข้อเสนอของพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่วาระแรก หรือ ถ้าไม่ยอมถอนร่างข้อเสนอออกไป ก็ขอให้ตัดถ้อยคำในหลักการและเนื้อหาทั้งหมดที่เกี่ยวกับมาตรา 144 และ 185 ออกไป มิเช่นนั้นก็ขอให้ ส.ส. และ ส.ว. โหวตให้ข้อเสนอของพรรคพลังประชารัฐตกไป เพราะหากร่างรัฐธรรมนูญนี้ผ่านไปได้ จะกลายเป็นเรื่องจำยอมเลยตามเลยที่เป็นตราบาปให้กับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตลอดไป” นายมานะ ระบุ 

เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ยังเรียกร้องไปถึงรัฐบาลว่า เพื่อความชัดเจนตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชัน เป็นวาระแห่งชาติ ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีได้ออกมาสนับสนุนการเรียกร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้ระบบต่อต้านคอร์รัปชันของชาติล้มเหลว 

“ขอฝากถึงส.ส. ส.ว.ทุกท่านที่เป็นข้าราชการ และอดีตข้าราชการได้ใช้วิจารณญาณให้มาก เนื่องจากเคยมีประสบการณ์เถูกแทรกแซงกดดันจากนักการเมืองมาแล้ว ฉะนั้น ควรคิดถึงข้าราชการที่เป็นรุ่นน้อง คิดถึงศักดิ์ศรีในวิชาชีพข้าราชการด้วย” ดร.มานะ ระบุ

การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 และ มาตรา 185 ที่ พรรคพลังประชารัฐ ผลักดัน ซึ่งจะเปิดทางให้ “ส.ส.” สามารถเข้าไป “ล้วงลูก” การจัดทำงบประมาณได้  …บทสรุปสุดท้ายจะเป็นเช่นใด น่าติดตาม... 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :