“คมนาคม”เล็งวอล์กเอาต์ครม.วาระขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว

31 พ.ค. 2564 | 13:31 น.

“สิริพงศ์”ส.ส.ภูมิใจไทย แย้ม“คมนาคม” เตรียมวอล์กเอาต์จาก ครม.วาระพิจารณาขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว เล็งยื่นฟ้องศาล ด้านเวทีเสวนา ค้าน! ลักไก่ต่อสัมปทาน BTS 30 ปี แลกยกหนี้! เสนอตั้งทีมาทางออกร่วมกัน

วันนี้(31 พ.ค.64) มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ สภาองค์กรของผู้บริโภค จัดเสวนาผ่านโปรแกรมซูม คัดค้านการนำเรื่องต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว เสนอให้ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบในการประชุมวันอังคารที่ 1 มิ.ย.นี้  โดยมี นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผอ.วิจัยนโยบายด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) รศ.ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ อาจารย์ประจำสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ม.ธรรมศาสตร์ และ นายคงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ประสานงานโครงการขนส่งมวลชน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมเสวนา

นางสาวสารี อ๋องสมหวัง กล่าวว่า ตกใจและผิดหวังที่จะมีการนำเรื่องการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว บรรจุเข้าเป็นวาระเร่งด่วนให้ ครม.พิจารณา 
โดยในวันพรุ่งนี้ สิ่งที่อยากเห็นในมติ ครม.จะเป็นประโยชน์กับผู้บริโภค โดยเฉพาะเรื่องราคา ต้องต่ำกว่า 44 บาท เพราะเป็นการต่อสัญญาล่วงหน้า และยืนยัน 25 บาท กทม.ก็ยังมีกำไรถึง 23,200 ล้านบาท

อีกทั้งหวังว่า จะมีการชะลอการต่อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว และตั้งคณะทำงานที่มาจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาแก้ไขปัญหาได้หาทางออกร่วมกัน และหากพรุ่งนี้ในมติ ครม.รัฐบาลยืนยันจะเก็บ 65 ไป-กลับ 130 บาท หรือ 40% ของค่าแรงขั้นต่ำ รัฐบาลก็ไม่ควรเป็นรัฐบาล เพราะไม่ได้รักษาผลประโยชน์ให้ประชาชน ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่รักษาประโยชน์ไม่ได้มีหน้าที่สร้างภาระให้กับประชาชนไปอีก 38 ปี

ด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ กล่าวว่า ในส่วนกระทรวงคมนาคม ที่พรรคภูมิใจไทยดูแลด้วย ไม่เห็นด้วยกับการนำเรื่องเข้า ครม. ได้มีการยื่นหนังสือคัดค้านถึงนายกรัฐมนตรี ในเรื่องความครบถ้วนของสัญญาสัมปทาน  และเหตุใด กทม.ไม่สามารถชำระหนี้ได้ จึงโอนหนี้ไปให้กับเอกชน สามารถโอนหนี้ไปให้กับเอกชนได้ด้วยหรือไม่ 

รวมถึงประเด็นในข้อกฎหมายที่ กทม.ไปตั้งบริษัทที่เป็นรัฐวิสาหกิจขึ้นมาที่กำลังถูกฟ้องร้อง ชื่อ บริษัท กรุงเทพธนาคม และไปจ้างบริษัทอื่นเดินรถ เป็นการหลบเลี่ยงทางกฎหมายหรือไม่ 

“หากมีการบรรจุเข้าเป็นวาระเร่งด่วนให้ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบ คิดว่ากระทรวงคมนาคมจะไม่เข้าร่วมการพิจารณาใดๆ ส่วนผมอาจจะต้องดำเนินการยื่นฟ้องที่ศาลปกครองอีกครั้ง” ส.ส.ภูมิใจไทย ระบุ
 

ส่วน ดร.สุเมธ องกิตติกุล กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังหน่วยงานที่จะนำเรื่องการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวบรรจุเข้าเป็นวาระเร่งด่วน ทั้งที่ไม่มีเปิดเผยรายละเอียดและแก้ไขสัญญา และเรียกเก็บ 65 บาทตลอดสาย โดยไม่ลองพิจารณาทางเลือกอื่นๆ มาเปรียบเทียบที่หลายฝ่ายได้เสนอ 

แต่ยังเอาเรื่องเดิมๆ ร่างสัญญาสัมปทานเดิมที่ไม่เปิดเผยรายละเอียด รวมถึงค่าโดยสารที่ระบุไว้ 65 บาทนั้น ไม่มีที่มาที่ไป ไปบรรจุเข้าเป็นวาระเร่งด่วนใน ครม. 

“ผมอยากเห็นรถไฟฟ้าของกรุงเทพฯ เป็นระบบเดียวกันทั้งระบบเหมือนกับประเทศอื่นๆ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลคือ กระทรวงคมนาคม และ กทม. พัฒนาโครงการแยกกันคนละโครงข่าย ทำให้ปัญหาต่างๆ ที่ตามมา และมีค่าโดยสารที่จะแพงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคต”

ทางด้าน รศ.ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะต่อสัญญาสัมปทานไป 30 ปี และเรียกเก็บค่าโดยสาร 65 บาทตลอดสาย เพราะต้นทุนจริง เพียง 13 บาทต่อเที่ยว ดังนั้น เมื่อหมดสัญญาสัมปทาน ในปี 2507 การเก็บ 25 บาท จึงมีความเป็นไปได้ เพราะไม่มีเรื่องโครงสร้างต้นทุน ขณะทีบีทีเอสยังมีรายได้อื่นๆ เช่น โฆษณาจากทุกช่องทาง 

“ทำไมจึงเร่งรีบนำเข้า ครม.ในช่วงที่คนกำลังให้ความสนใจเรื่องวัคซีนโควิด-19 กัน”

นายคงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ กล่าวว่า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ออกมาเรียกร้องเรื่องอัตราค่าโดยสารที่แพง ขอให้เก็บ 25 บาทตลอดสาย และชะลอการต่อสัญญาสัมปทานไปก่อนไม่ต้องเร่งรีบ เพราะยังเหลือเวลาอีก 8 ปี จึงจะหมดสัญญา จึงอยากให้ตั้่งคณะทำงานร่วมกันเอาข้อมูลที่ถูกต้องเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคมาหารือกัน